“กร ทัพพะรังสี” ผนึก สสส. นำ “วิว-เมย์”นักแบดมินตันระดับโลกขวัญใจชาวไทยร่วมตีกระชับมิตรในกิจกรรม “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” ระดมทุนจัดหาหมวกกันน็อกให้เด็กเล็กในประจวบคีรีขันธ์
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2568 นายกร ทัพพะรังสี อดีตนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ และอดีตประธานสมาพันธ์แบดมินตันโลก ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน จัดกิจกรรม “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” ระดมทุนจัดหาหมวกกันน็อกสำหรับเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนามคลับ 1000 ตา อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายถนัดศิลป์ วุฒิวงศ์อังคณา หอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกิจกรรม
โดยไฮไลท์ในงาน คือการปรากฎตัวของ นักแบดมินตันระดับโลกขวัญใจชาวไทยร่วมตีกระชับมิตรเพื่อรณรงค์ เช่น “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยว ปี 2024 และมือ 1 โลก “เมย์” รัชนก อินทนนท์ อดีตแชมป์โลกหญิงเดี่ยว ปี 2556 “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ มือวางอันดับ 44 โลก “ส้ม” สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ แชมป์เยาวชนโลก 2024
พร้อมโค้ช “เป้” ภัททพล เงินศรีสุข แห่งโรงเรียนกีฬาแบดมินตันบ้านทองหยอด
ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถบริจาคเงิน 300 บาท เพื่อจัดซื้อหมวกกันน็อก 1 ใบ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ รายได้ทั้งหมดจะนำไปมอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในจังหวัด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ “ธนาคารหมวกกันน็อกสำหรับเด็กและเยาวชน” ที่ตั้งเป้าจัดหาหมวกให้ได้ 1 ล้านใบทั่วประเทศ
นายกร ทัพพะรังสี กล่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นการใช้กีฬาเป็นสื่อรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยของเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ต้องซ้อนจักรยานยนต์ไปโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่สวมหมวกกันน็อก และบางครอบครัวก็ไม่สามารถจัดหาหมวกให้ลูกได้ จึงขอเชิญชวนชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ร่วมบริจาคเพื่อสร้างความปลอดภัยให้ลูกหลาน
“ถือเป็นโอกาสดีที่นักกีฬาไทยระดับโลกอย่าง วิว เมย์ จิว และส้ม มาร่วมรณรงค์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน และเป็นแบบอย่างที่ดีของนักกีฬาจิตอาสา” นายกรกล่าว
ด้าน นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในเด็กเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 3–15 ปี ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 16% เท่านั้นที่สวมหมวกกันน็อก ขณะโดยสารรถจักรยานยนต์
ข้อมูลจาก สสส. ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนกว่า 17,000 คนต่อปี และเสียหายทางเศรษฐกิจเกือบ 5 แสนล้านบาทต่อปี โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ และเด็กเล็กจำนวนมากไม่ได้รับการปกป้องศีรษะอย่างเหมาะสม
หมวกกันน็อกสำหรับเด็กมีอายุการใช้งาน 3 ปี และเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดการกระทบกระเทือนทางสมองในกรณีเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระหว่างภาคสุขภาพ กีฬา และภาคประชาชน เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างยั่งยืน.
#เซฟสมอง #สสส. #สวมหมวกกันน็อกสมองไม่น็อก #ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก #มูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน #Thaireportchannel