ผบ.พล 9 ตรวจชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งคุมเข้ม “ล็อคดาวน์ชายแดน” สกัดโควิด-19 กั้นลวดหนามหีบเพลงและขวากไม้ไผ่ ทั้งช่องทางธรรมชาติและช่องทางหลักรวม 39 ช่องทาง ตั้งแต่ อ.หัวหิน-อ.บางสะพานน้อย ติดตั้งสัญญาณเสียง บินโดรนตรวจสอบ และลาดตระเวนสุ่มตรวจร่วมด้วย
วันที่ 13 กันยายน 2563 พลตรี ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พ.อ.วุทธยา จันทมาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกพร้อมคณะลงพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมา ที่ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจบริเวณแนวชายแดนดูจุดการวางรั้วลวดหนามหีบเพลงในพื้นที่จุดต่างๆ ทั้งบริเวณอ่างเก็บน้ำเขาคันหอก ช่องทางวังเป้า จุดตรวจประชารัฐ รวมทั้งจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร
ซึ่งปัจจุบันยังไม่อนุญาติให้เดินทางเข้าออกชายแดนได้ โดยอนุญาตให้เพียงการขนถ่ายสินค้าบริเวณเขตโนแมนแลนด์เท่านั้น พร้อมทั้งเดินทางไปยังศูนย์ประสานงานภาครัฐและภาคเอกชนไทยเมียนมา เพื่อรับฟังสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมา ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคง หลังจากในประเทศเมียนมามีการระบาดของไวรัสโควิด-19ระลอกสอง และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้มี นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พ.อ.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พ.อ.ธีรยุทธฑ์ เส้งรอด รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก , พ.ต.อ.ปฐม อุ่นอบ ผกก.ตชด 14 , จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , นายชัยชาญ เงินมูล จ่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , ตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ,สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , ศุลกากรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังข้อมูลสถานการณ์โควิด-19ล่าสุดด้วย
พลตรี ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ กล่าวว่า หลังลงพื้นที่ดูช่องทางธรรมชาติแนวชายแดนซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการปิดกั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัย ทั้งนี้ได้เน้นย้ำชี้แจงกำลังพลและเข้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทยเมียนมา ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้แนวชายแดนไทยเมียนมาด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทั้งช่องทางธรรมชาติและช่องทางหลักรวม 39 ช่องทาง ตั้งแต่ อ.หัวหิน-อ.บางสะพานน้อย ซึ่งช่องทางหลัก 34 ช่อง ปิดไปแล้ว 27 ช่อง เป็นการปิดด้วยลวดหนามหีบเพลง 14 ช่อง ปิดด้วยขวากไม้ไผ่และอุปกรณ์อื่นๆ 13 ช่อง ที่เหลืออีก 7 ช่องเป็นช่องทางรกทึบไม่มีการใช้งานแล้ว ส่วนช่องทางย่อยทางธรรมชาติ จำนวน 5 ช่องทาง ดำเนินการปิดด้วยลวดหนามแล้วทั้งหมด
นอกจากนั้นยังมีการวางกำกลังจุดตรวจ 24 ชั่วโมง 18 จุด จุดตรวจย่อย 9 จุดที่เหลือเป็นการลาดตระเวนสุ่มตรวจ รวมไปถึงจุดตรวจในหมู่บ้านชายแดน 22 จุด โดยใช้กำลังของหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก , ตชด.14 , ฝ่ายปกครอง และกำนันผู้ใหญ่บ้าน แต่ละพื้นที่
นอกจากนั้น หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก เพิ่มมาตราการเฝ้าระวังด้วยการ บินโดรนตรวจติดตามแนวชายแดน ฝั่งประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งติดตั้งสัญญาณเสียงไว้ตามจุดต่างๆที่มีทั้งหีบเพลงหรือรั้วลวดหนาม ซึ่งหากพบมีการเคลื่อนไหวเสียงจะดังขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่แต่ละจุดจะเคลื่อนที่เข้าตรวจสอบทันที ซึ่งถือเป็นการคุมเข้มชายแดนไทยเมียนมาด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขั้นสูงสุด เชื่อว่ามาตราการต่างๆจะสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองจากฝั่งเมียนมาของมาฝั่งไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด -19 ในประเทศเมียนมา นั้นอยู่ที่ทางรัฐยะไข่ , เมืองย่างกุ้ง และ เกาะสอง ภาคตะนาวศรี ของเมียนมา ส่วนจังหวัดมะริด ข้อมูลล่าสุดยังไม่พบการระบาดแต่อย่างใด รวมทั้งอำเภอตะนาวศรี ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยเมียนมา บริเวณด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร ยังไม่พบการระบาดเช่นกัน
ทั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมติดตามสถานการณ์การระบาดของประเทศเมียน ตลอด 24 ชั่วโมง หากพบว่ามีการระบาดในจังหวัดมะริด และ อำเภอตะนาวศรี ซึ่งใกล้กับประจวบคีรีขันธ์มากที่สุด จะมีมาตรการป้องกันในส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพิ่มเติมทันที
ซึ่งฝ่ายความมั่นคง , ฝ่ายปกครอง และทางสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางไว้เบื้องต้นแล้ว แต่ยืนยันว่าในขณะนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยืนยันว่ายังไม่พบมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากฝั่งเมียนมา เข้ามาในฝั่งไทยที่ประจวบคีรีขันธ์อย่างแน่นอน
ยืนยันว่า มาตรการสกัดกั้นบุคคลที่จะลักลอบผ่านเข้ามายังฝั่งไทยด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้นค่อนข้างยากลำบาก เพราะใช้มาตรการคุมเข้มตั้งแต่แนวแรก ทั้งตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14, ทหารพราน และทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำกลังสุรสีห์ รวมทั้งมีการเอ็กซเรย์หมู่บ้านตามแนวชายแดน โดยมีการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อย่างเข้มแข็ง
