Cr.กรมชลประทาน
กรมชลประทานสนองพระราชดำริ 57 ปี ดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วเสร็จกว่า 3,200 โครงการ ขยายพื้นที่ชลประทานได้ 3.41 ล้านไร่ราษฎรได้รับประโยชน์กว่า 589,000 ครัวเรือน ปี 2564 เตรียมขับเคลื่อนภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี อีก 8 โครงการ ขยายพื้นที่ชลประทาน12,050 ไร่
นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาการอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อบรรเทาภัยเดือดร้อนมากมายให้แก่ราษฎร
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์นานกว่า 70 ปี ทรงให้ความสำคัญในเรื่องน้ำมากเป็นพิเศษ จะเห็นได้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กรมชลประทานได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ตั้งแต่อดีตซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกเมื่อปี 2506 จนถึงปัจจุบันเกิดผลเป็นรูปธรรมมีมากกว่า 3,000 โครงการ มีทั้งโครงการชลประทานขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
นอกจากนี้เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยสิริราชสมบัติ ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทยความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ซึ่งแสดงถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการสืบสานพระราชภารกิจของพระบรมราชชนกนาถ ที่จะดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร โดยยังทรงพระราชทานโครงการพระราชดำริเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาราษฎรอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่าง ๆ และได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานจัดหาน้ำสนับสนุนให้แก่ราษฎรในพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปนั้นด้วย
“ตลอดระยะเวลา57 ปี ที่กรมชลประทานดำเนินงานสนองพระราชดำริภายใต้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี มีความก้าวหน้าภาพรวมของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 3,481 โครงการ ในจำนวนนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 3,206 โครงการ
เป็นอ่างเก็บน้ำประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด ที่เหลือเป็นอาคารประเภทต่างๆ เช่น ฝาย สถานีสูบน้ำ สระเก็บน้ำ เป็นต้น อยู่ภาคเหนือ 1,277 โครงการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 758 โครงการ ภาคกลาง 498 โครงการ และภาคใต้ 673 โครงการ สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 6,771 ล้านลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 4.9 ล้านไร่ และมีราษฎรได้รับประโยชน์กว่า 589,000 ครัวเรือน ขยายพื้นที่ชลประทานได้ 3.41 ล้านไร่” รักษาการอธิบดีกรมชลประทานกล่าว
ทั้งนี้ในปี 2563 กรมชลประทานได้เร่งรัดขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แล้วเสร็จจำนวน 14 โครงการ เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำแม่อาง จ.ลำปาง โครงการอ่างเก็บน้ำแซร์ออ จ.สระแก้ว โครงการจัดหาน้ำให้แก่ศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านดอยแสง ฝายบ้านดอยแสงพร้อมระบบส่งน้ำ จ.แม่ฮ่องสอน
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้บ้านแพะ บ้านแม่ละนา บ้านอมยะ บ้านกามาผาโด้ จ.ตาก โครงการอาคารบังคับน้ำวังคางฮูงในลำห้วยทวน จ.อุดรธานี โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยลาดเหนือตอนบน จ.ชัยภูมิ โครงการระบบท่อส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ – อ่างเก็บน้ำคลองโบด จ.นครนายก โครงการฝายทดน้ำวังครก พร้อมระบบส่งน้ำ จ.ราชบุรี
โครงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำทำการเกษตรของหมู่บ้านทะเลปัง จ.นครศรีธรรมราช โครงการจัดหาน้ำให้ ศกร.ตชด.บ้านหลังอ้ายหมี จ.นครศรีธรรมราช และโครงการจัดหาน้ำช่วยเหลือศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านภักดีที่ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นต้น
เพิ่มพื้นที่ชลประทานพร้อมระบบส่งน้ำจำนวน 2,700 ไร่ พื้นที่รับประโยชน์รวม 8,189 ไร่ ความจุเก็บกักน้ำรวม 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) และจำนวนครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ 2,091 ครัวเรือน
ส่วนปี 2564 กรมชลประทานจะยังคงเร่งรัดขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีก 8 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 11.56 ล้านลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 23,088 ไร่ และมีราษฎรได้รับประโยชน์กว่า 8,700 ครัวเรือน ขยายพื้นที่ชลประทานได้ 12,050 ไร่
“กรมชลประทานยังเดินหน้าขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อม ตลอดจนเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ จึงยังคงมีภารกิจที่กรมชลประทานต้องดำเนินการเพื่อสนองพระราชดำริและเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศอยู่ต่อไป” นายสัญญากล่าวในที่สุด