สิ่งแวดล้อม » กุยบุรี | ล้มแล้วช้างป่า! ทีมสัตวแพทย์สุดยื้อ รักษายาวนาน 30 วัน ผ่าซากถึงกับอึ้ง เจอกระสุนลูกซอง และ จุด22 รวม 43 เม็ด

กุยบุรี | ล้มแล้วช้างป่า! ทีมสัตวแพทย์สุดยื้อ รักษายาวนาน 30 วัน ผ่าซากถึงกับอึ้ง เจอกระสุนลูกซอง และ จุด22 รวม 43 เม็ด

10 มกราคม 2021
1717   0

Cr.สบอ.3สาขาเพชรบุรี

ล้มแล้วช้างป่า ทีมสัตวแพทย์สุดยื้อ รักษายาวนาน30วัน ผ่าซากถึงกับอึ้ง เจอกระสุนลูกซองและจุด22 รวม 43 เม็ด กระจาย 25 จุดทั่วซากช้างป่า โดยพบกระสุนปืนลูกซอง เบอร์12 (ลูก9) จำนวน 40 เม็ด ลูกกระสุนปืน ขนาด .22 อีกจำนวน 2 เม็ด และลูกปลาย จำนวน 1 เม็ด พบกระสุนในจุดสำคัญบริเวณใต้เบ้าตา 2 ลูก ซึ่งเป็นเหตุทำให้ตาขวามีอาการอักเสบมองไม่เห็นมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ส่วนขาหน้าด้านซ้ายซึ่งไม่มีบาดแผลให้เห็น ตรวจพบกระสุนฝังในกระดูก 3 เม็ด และมีหนองในข้อกระดูกจำนวนมาก

วันที่ 10 มกราคม 2564 นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ช้างป่าซึ่งได้รับบาดเจ็บ และรักษาต่อเนื่องยาวนาน 30 วัน ที่บ้านท่าวังหิน หมู่ 4 ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดได้ล้มแล้ว

ทั้งนี้นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช , สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย ได้ติดตามรักษาช้างป่าบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งล่าสุดวานนี้ (9มกราคม2564) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีและทีมสัตวแพทย์ลงความเห็นว่า ให้เคลื่อนย้ายช้างป่าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง และความสะดวกในการดูแลช้างป่าตัวดังกล่าว

โดยเวลา 10.48 น. ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายช้างป่า เบื้องต้นพบว่าช้างป่ามีอาการท้องอืดร่วมด้วย จึงทำการให้น้ำเกลือ , ยาแก้ท้องอืด , ลดปวด , ลดอักเสบ

จากนั้นทำการเคลื่อนย้ายช้างป่า ออกจากจุดรักษาในเวลา 14.30 น. และ เวลา 16.40 น. รถบรรทุกเคลื่อนย้ายช้างเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี แต่ช้างป่ามีอาการหัวใจหยุดเต้น ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่เข้าทำการช่วยเหลือทันที แต่ผลปราฎว่า ช้างป่าได้ตายลงในที่สุด

ต่อมา เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 (ค่ายพระมงกุฏเกล้า) ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

นำโดย ร.ต.อ.ยงยุทธ โชติชนะเสรี ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ดำเนินการตรวจหาวัตถุด้วยเครื่องสแกนโลหะตามตัวช้าง พบโลหะทั้งหมด 25 จุด

จากนั้นทีมสัตวแพทย์ได้ช่วยกัน ผ่าชันสูตรซากช้างป่า โดยใช้เครื่องสแกนโลหะตรวจเพิ่มเติม พบกระสุนปืนลูกซอง เบอร์12 (ลูก9) จำนวน 40 เม็ด ลูกกระสุนปืน ขนาด .22 อีกจำนวน 2 เม็ด และลูกปลาย จำนวน 1 เม็ด

โดยพบกระสุนในจุดสำคัญบริเวณใต้เบ้าตา 2 ลูก ซึ่งเป็นเหตุทำให้ตาขวามีอาการอักเสบมองไม่เห็นมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ส่วนขาหน้าด้านซ้ายซึ่งไม่มีบาดแผลให้เห็น ตรวจพบกระสุนฝังในกระดูก 3 เม็ด และมีหนองในข้อกระดูกจำนวนมาก

สัตวแพทย์ยังตรวจพบกระสุน ทะลุกระดูกซี่โครง ซี่ที่ 7 และ ซี่ที่ 9 อีกจำนวน 2 เม็ด ส่วนกระสุนอีก 38 เม็ด กระจายอยู่หลายจุด ทั้งที่บริเวณงวง ใต้รักแร้ และลำตัว ส่วนพยาธิสภาพอวัยวะภายใน พบปอดมีอาการอักเสบบวมแดง ไตบวมสีซีด ตับซีด มีจุดเลือดออกและมีรอยแผลเป็น

ส่วนที่บริเวณหัวใจพบจุดเลือดออก ผนังทางเดินอาหารหลุดลอก พบจุดเลือดออกอักเสบแดงและแผลหลุมในกระเพาะอาหาร สำหรับขาหน้าขวาที่บวมแดง ตรวจพบหนองด้านในเล็กน้อย

สำหรับผลการชันสูตรสันนิษฐานสาเหตุการตายว่า จากสภาพซากและวัตถุพยานวัตถุโลหะที่ตรวจพบในซากช้างป่าตัวดังกล่าว ทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว

ซึ่งสัมพันธ์กับผลค่าโลหิตวิทยา ที่ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่า มีค่าเม็ดเลือดแดง ค่าเม็ดเลือดขาว ค่าตับ และค่าไตผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุทำให้ช้างป่าตาย  ทั้งนี้ทีมสัตวแพย์และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้ฝังกลบซากช้างตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันการเกิดโรคแล้ว  

อย่างไรก็ตาม นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี  กล่าวเพิ่มเติมว่า  เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาพฤติกรรมของช้างตัวป่าตัวนี้ ที่มีนิสัยดุร้าย จนก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เสียชีวิต 1 ราย นั้น คงเนื่องจากโดนการขับไล่ หรือไล่ยิง จากคนบ่อยครั้ง  จนทำให้ช้างป่ามีพฤติกรรมที่กลัวคนจะมาทำร้าย จึงต้องมีอาการดุร้ายเพื่อป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณสัตว์ป่า

จากนี้จะให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี รวบรวมข้อมูลและหลักฐานทั้งหมด แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ปราณบุรี เพื่อให้ติดตามบุคคลที่ก่อเหตุยิงช้างป่า มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป