Cr.สบอ.3 สาขาเพชรบุรี
พบเลียงผาพลัดหลงมาจากป่า มาเดินอยู่บริเวณหลังเจดีย์ วัดวังยาว เจ้าหน้าที่ อช.กุยบุรี และ กู้ภัยฯ ช่วยจับกลับไปตรวจสุขภาพ โชคดีไม่พบการบาดเจ็บใดๆ มีเพียงรอยขีดขวนที่หน้าเล็กน้อย ล่าสุดปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้ว
วันที่ 19 มกราคม 2564 นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ลงพื้นที่ร่วมกับ เจ้าหน้าที่มูลนิธิหลวงพ่อในกุฎิวัดกุยบุรี เข้าตรวจสอบกรณีได้รับแจ้งจากนายมืด ชาวบ้านหมู่ 1 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า พบเลียงผา จำนวน 1 ตัว มาเดินอยู่บริเวณหลังเจดีย์ วัดวังยาว หมู่ 1 ต.กุยบุรี บริเวณพิกัดที่ 47P 0594536 E 1333721 N
ตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นเลียงผา เพศผู้ อายุไม่น้อยกว่า 1 ปี คาดว่าพลัดหลงมาจากป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันจับเลียงผา ก่อนเคลื่อนย้ายมายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมประสานงานทีมสัตวแพทย์ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี เข้ามาทำการดูอาการ และตรวจสุขภาพของเลียงผาตัวดังกล่าว
สัตวแพทย์หญิงภาวินี แก้วแกม สัตวแพทย์ประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย มีความเห็นว่า อาการตรวจสุขภาพเบื้องต้นพบว่า ภายนอกร่างกายมีบาดแผลลักษณะเป็นรอยขีดข่วนบริเวณใบหน้าเพียงเล็กน้อย จึงได้ทายาฆ่าเชื้อบริเวณแผล และฉีดยาแก้อักเสบ ให้วิตามิน และให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง
นอกจากนั้นยังพบความผิดปกติของปากล่าง ลักษณะสั้นกว่าปากบน อาจเป็นความผิดปกติแต่กำเนิด แต่สัตว์ยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ จากนั้นจึงได้ปล่อยเลียงผาคืนสู่ธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีแล้ว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จะเฝ้าติดตามอาการของเลียงผา เป็นระยะ เนื่องจาก อาจจะทำให้สัตว์เกิดภาวะเครียด หลังจากการถูกไล่จับ และการเปลี่ยนแหล่งที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจส่งผลทำให้สัตว์เกิดภาวะเครียดและตายได้ในเวลาต่อมาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนั้น นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี พร้อมด้วยผู้อำนวยการส่วน หัวหน้ากลุ่ม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ยังได้เข้าร่วมการประชุม เตรียมความพร้อมการใช้งานระบบประชุมทางไกล (Video Conference) บนแอปพลิเคชัน “Zoom” ณ ห้องประชุมแก่งกระจาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี
ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อความสะดวกและลดการใช้จ่ายในการเดินทาง รวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) อีกด้วย