Cr.สมุทร เรืองชา/ประจวบคีรีขันธ์
รองผู้ว่าชาตรี ดันกุยบุรี สร้าง “สถานีวิจัยพันธุ์พืช” ลงพื้นที่สำรวจความเหมาะสม พบมีที่ดินของกรมป่าไม้ และที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ที่ ต.หาดขาม รอกรมวิชาการเกษตร เลือกอีกครั้งว่าที่ดินแปลงใดมีความเหมาะสมมากที่สุด
วันที่ 1 มีนาคม 25564 นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ลงพื้นที่ อ.กุยบุรี พร้อมกับผู้แทนหน่วยงานราชการเพื่อสำรวจพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการก่อสร้างสถานีวิจัยพันธุ์พืช เนื่องจากขณะนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังขาดสถานีวิจัยพันธุ์พืช
ทั้งนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการปลูกมะพร้าว สับปะรด มากที่สุดในประเทศ ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของมะพร้าวและสับปะรด แต่ปรากฎว่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้นกลับไม่มีสถานีวิจัยพันธุ์พืชประจำจังหวัด ที่ผ่านมาต้องอาศัยสถานีวิจัยพันธุ์พืชของจังหวัดชุมพรและจังหวัดเพชรบุรี ส่งนักวิจัยมาตรวจพันธุ์พืชเพื่อออกใบรับรองต่าง ๆ
นายชาตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการและเกษตกรในพื้นที่ ได้พยายามร้องขอให้มีการตั้งสถานีวิจัยพันธุ์พืชในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ โดยล่าสุดถือเป็นข่าวดีของชาวประจวบ ที่กรมวิชาการเกษตรจะมาตั้งสถานีวิจัยพันธุ์พืชในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ล่าสุดกรมวิชาการเกษตร ยังไม่สามารถหาที่ดินเพื่อดำเนินการก่อสร้างไม่ได้
ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างสถานีวิจัยพันธุ์พืชเกิดขึ้นในพื้นที่ ตนจึงได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเหมาะสม ร่วมกับ ทสจ.,เกษตรและสหกรณ์,เกษตรจังหวัด,สถานีวิจัยพันธุ์พืชชุมพร,นายอำเภอกุยบุรี,กำนันตำบลหาดขาม,ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย,ผู้ใหญ่บ้านย่านซื่อ,ผู้ใหญ่บ้านยางชุม,หอการค้าจังหวัดและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ร่วมลงพื้นที่สำรวจความเหมาะสม
จากการสำรวจพบว่า ที่บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี มีพื้นที่ป่า ซึ่งกรมป่าไม้กันเอาไว้ 220 ไร่ติดกับสถานีอาหารสัตว์ของกรมปศุสัตว์ พื้นที่มีความเหมาะสม เหมาะกับการตั้งสถานีวิจัยพันธุ์พืช ปัจจุบันมีชาวบ้านปลูกต้นหม่อน สำหรับใช้ในการแปรรูป กว่า 100 ไร่
ทั้งนี้ผู้ใหญ่บ้านรวมไทยจะได้ประชุมกับชาวบ้านเพื่อแจ้งข้อมูลให้ทราบ หากชาวบ้านไม่ขัดข้องและสนับสนุนให้ตั้งสถานีวิจัยพันธุ์พืชในบริเวณดังกล่าว ทางราชการจะดำเนินการหาที่ดินแปลงอื่นให้ชาวบ้านได้ปลูกต้นหม่อนแห่งใหม่เพื่อทดแทนที่เก่า
นอกจากนี้ยังมีผู้เสนอให้ใช้ที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ที่เป็นให้ราษฎรเช่า แต่ไม่ค่อยมีราษฎรเช่าทำประโยชน์ เนื้อที่ 400 กว่าไร่ พื้นที่ติดกับถนนราดยาง มีไฟฟ้าแรงสูงเข้าถึง มีความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำกุยบุรี ซึ่งตนและคณะ ได้สำรวจพื้นที่และมีความเห็นเบื้องต้นร่วมกันว่า ที่ราชพัสดุแปลงนี้มีความเหมาะสมในการจัดตั้งศูนย์วิจัยพันธุ์พืช
ทั้งนี้ตนจะประชุมหารือร่วมกับสำนักงานธนารักษ์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างศูนย์วิจัยพันธุ์พืชตามลำดับ เบื้องต้นได้สอบถาม เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตร ที่ลงพื้นที่สำรวจด้วย ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สนใจแปลงที่ดินราชพัสดุในความดูแลของกรมธนารักษ์ อย่างไรก็ตามจะต้องรายงานข้อมูลให้ผู้บริหารกรมวิชาการเกษตรได้ทราบรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผู้บริหารจะเป็นผู้เลือกว่าจะสร้างบนที่ดินแปลงใดที่มีความเหมาะสมมากที่สุด