สิ่งแวดล้อม » กุยบุรี | น่าเศร้า! จนท.พบลูกช้างป่ากุยบุรี อายุแค่ 1-2 ปี นอนตายในแปลงปลูกต้นตะเคียนทอง

กุยบุรี | น่าเศร้า! จนท.พบลูกช้างป่ากุยบุรี อายุแค่ 1-2 ปี นอนตายในแปลงปลูกต้นตะเคียนทอง

4 มีนาคม 2021
945   0

น่าเศร้า! จนท.พบลูกช้างป่ากุยบุรี เพศผู้ อายุแค่ 1-2 ปี นอนตายในแปลงปลูกต้นตะเคียนทอง สัตวแพทย์ผ่าซากไม่พบสิ่งผิดปกติ คาดลูกช้างป่วยเป็นโรคเฮอร์ปีส์ (EEHV)​ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสแฝงในลูกช้างป่า  เครียดเพราะถูกโขลงทิ้ง

วันที่ 4 มีนาคม 2564 นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พบลูกช้างนอนตายในแปลงเพาะพันธุ์กล้าไม้ สถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ ม.9 บ้านย่านซื่อ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรายงานให้ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้ทราบ

จากนั้นประสาน สัตวแพทย์หญิงภาวิณี  แก้วเกม สัตวแพทย์สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี  พร้อมเจ้าหน้าที่สัตวบาล เข้าทำการตรวจสอบและผ่าซากลูกช้างป่า , นางชนิษฐา จันทโชติ หัวหน้าสถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ , เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม โดยมี นายสนธยา ปูปาน และ นายอาทิตย์ เล็กจินดา ผู้ช่าวยผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ้านย่านซื่อ ร่วมตรวจสอบซากลูกช้างป่าด้วย

สำหรับจุดที่พบลูกช้างป่านี้ อยู่ตรงบริเวณแปลงปลูกต้นตะเคียนทอง ภายในแปลงเพาะพันธุ์กล้าไม้ของสถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ใช้เครื่องสแกนวัตถุโลหะตรวจสอบบนซากลูกช้างป่า ซึ่งไม่พบวัตถุโลหะใดบนตัวลูกช้าง

จากนั้นสัตวแพทย์หญิงภาวิณี  แก้วเกม สัตวแพทย์สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี ได้ตรวจสอบซากลูกช้างป่า พบว่า ลูกช้างป่าที่พบ เป็นเพศผู้ มีอายุประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น มีขนายยื่นออกมาที่มุมปากเพียงเล็กน้อย คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 10 วัน เนื่องจากหนอนที่อยู่บนลูกช้าง มีขนาดเข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว

เมื่อผ่าซากพบว่า อวัยวะภายในเน่าเสียหายเกือบทั้งหมด เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติใดในตัวลูกช้าง จึงได้เก็บชิ้นส่วนกระเพาะอาหาร และกระดูกไขสันหลัง เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อโรคเฮอร์ปีส์ (EEHV)​. ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสแฝงในลูกช้างป่า เมื่อร่างกายอ่อนแอ และเกิดภาวะเครียด เชื้อ EEHV.จะแสดงอาการทำให้ลูกช้างป่าเจ็บป่วยและตายในที่สุด

นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ต้องเสียลูกช้างป่าไป ทั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ลูกช้างป่าที่พบ จะป่วยด้วยโรคเฮอร์ปีส์ (EEHV)​ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสแฝงในลูกช้างป่า เมื่อประเมินจากอายุเป็นช้างเด็ก อายุแค่ 1-2 ปีเท่านั้น ยังต้องกินนมจากแม่ช้าง แต่คาดว่าลูกช้างป่าจะเจ็บป่วยจนถูกโขลงทิ้ง ประกอบกับอดนม และเกิดภาวะเครียด ทำให้อาการป่วยรุนแรง และตายในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ดำเนินการผังซากลูกช้างป่าตรงจุดที่พบโดยโรยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อตามหลักวิชาการ อีกทั้งยังได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดบังสกุลให้กับลูกช้างป่าเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ ตามความเชื้อของชาวบ้านในพื้นที่ด้วย