Cr.พลไชย ภิรมย์ศรี/ประจวบคีรีขันธ์
สกัดจับแรงงานต่างด้าว พร้อมคนนำพาชาวเมียนมาร์ รวม 7 คน ขับรถกระบะป้ายทะเบียนไทย แรงงานหลายคนพูดภาษาไทยได้ชัด รับว่าเกิดในไทย และเคยทำงานที่ภาคใต้มาก่อน แต่ลักลอบกลับไปเยี่ยมญาติที่เมียนมาร์และจะกลับมาทำงานอีกครั้ง
วันที่ 6 มีนาคม 2563 พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย ผู้บังคับกองร้อย ตชด.146 พร้อมด้วย พ.ต.ต.ปวริศ ปานะจินาพร สารวัตร ตม.ประจวบคีรีขันธ์ , นายณัฐวุฒิ จันทร์แก้ว ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ , นายมาโต โตทอง กำนันตำบลคลองวาฬ ฯลฯ พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ อส. , ตชด.146 , ตรวจคนเข้าเมือง และทหาร กระจายกำลังตามกำลังตามจุดต่าง ๆ
หลังจากสืบทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบนำแรงงานชาวเมียนมาร์ผ่านช่องทางธรรมชาติข้ามฝั่งเข้ามาในประเทศไทย บริเวณช่องทางธรรมชาติ ที่ช่องตาแฉะ ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตรวจพบแรงงานชาวเมียนมาร์ จำนวน 6 คน เดินเท้าลักเลาะมาตามช่องทางธรรมชาติ ต่อมาพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นดีแม็กซ์ตอนครึ่ง สีเขียว ทะเบียน บย 1483 ประจวบคีรีขันธ์ ขับมารับแรงงานทั้งหมดออกจากตีนเขา สังเกตุพบว่าคนขับเป็นชายชาวเมียนมาร์
แต่เมื่อคนขับเห็นเจ้าหน้าที่ได้ขับรถหลบหนีอย่างรวดเร็ว โดยมีเจ้าหน้าที่ขับรถไล่ติดตามและสามารถจับกุมได้บริเวณสันอ่างเก็บน้ำหินกอง หมู่ 6 บ้านด่านสิงขร ต.คลองวาฬ ห่างจากจุดรับแรงงานบริเวณตีนเขา ไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อตรวจสอบทั้งหมด พบชาวเมียนมาร์ อายุระหว่าง 15 – 40 ปี เป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ
จากนั้นได้นำตัวมาควบคุมที่กองร้อย ตชด.146 ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการตรวจวัดอุณหภูมิ และเก็บตัวอย่างเชื้อในโพรงจมูกเพื่อส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด ทราบชื่อต่อมาคือ นายโทน อายุ 39 ปี นางมะยินไข่ อายุ 42 ปี นางมะยาแต อายุ 40 ปี น.ส.น้ำหวาน อายุ 18 ปี น.ส.น้ำ อายุ 16 ปี นายเกาซาน อายุ 15 ปี
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ ค้นตัวนายซอไนอู อายุ 36 ปี คนขับรถซึ่งเป็นคนนำพา พบเงินสดจำนวน 11,235 บาท บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง เป็นโทรศัพท์ที่มีซิมไทยและซิมเมียนมาร์ ทั้งนี้ผู้ต้องหาสามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายซอไนอู อายุ 36 ปี เป็นชาวเมียนมาร์มีหนังสือเดินทางทำงานที่โรงงานสับปะรดแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ได้รับว่าจ้างให้ขับรถกระบะ มาพาแรงงานเมียนมาร์ ทั้ง 6 คน ซึ่งมาจากเมืองเมาะลำไย มาพักอยู่ที่บ้านมูด่อง ประเทศเมียนมาร์ ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าข้ามแนวเขามาตามช่องทางธรรมชาติข้ามชายแดน เพื่อมายังจุดนัดหมายบริเวณตีนเขาดังกล่าว
โดยได้รับค่าจ้างคนละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 บาท นำพาแรงงานทั้งหมดขึ้นรถกระบะไปส่งที่ปั้มน้ำมันต้นเกตุ ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นจะมีนายหน้าชาวเมียนมาร์มารับอีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้แรงงาน 4 คน จะไปหาญาติ เพื่อทำงานในสวนยางพาราที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนอีก 2 คนมาหาญาติที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
นอกจากนี้ยังพบว่ามีแรงงานหญิงชาวเมียนมาร์ที่ถูกควบคุมตัว สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน บางคนเกิดในประเทศไทย และเคยทำงานในสวนยางพาราที่ภาคใต้มาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ประเทศเมียนมาร์ และจะกลับมาหาครอบครัวที่ จ.สุราษฎร์ธานี
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 พ้นการจับกุมและเดินทางเข้ามาและ อยู่ในราชอาณาจักโดยผิดกฎหมาย (หลบหนีเข้าเมือง) เป็นบุคคลต่างด้าว (สัญชาติเมียนมาร์) เดินทางเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองวาฬ ดำเนินคดีต่อไป
rbt