ยอดติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 5 ราย รวม 8 รายจากการระบาดระลอกใหม่ มีเด็กชาย 4 ขวบ พี่ของเด็กหญิง 2 ขวบ ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 3 ก่อนหน้านี้ รักษาตัวโรงพยาบาลหัวหิน ส่วนอีก 4 ราย เป็นแรงงานเมียนมา หลบหนีเข้าเมือง จากทวายและย่างกุ้ง จังหวัดสั่งกักตัวเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ดูอาการและตรวจโควิด กลุ่มเสี่ยง 204 ราย เสี่ยงสูง 73 ราย เสี่ยงต่ำอีก 131 ราย
วันที่ 11 มีนาคม 2564 ที่ห้องประชุมสิงขร ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (สสจ.) ร่วมกันแถลงข่าว หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 จากการระบาดระลอกใหม่พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพิ่มอีก 5 ราย ทำให้ยอดตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากการระบาดระลอกใหม่ รวมเป็น 8 รายแล้ว
นายแพทย์สุริยะ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายที่ 4 คือเด็กชาย 4 ขวบ ไม่มีอาการ ซึ่งเป็นพี่ชายของเด็กหญิง 2 ขวบ ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 3 ก่อนหน้านี้ มีประวัติครอบครัวที่ จ.สมุทรสาคร ติดเชื้อโควิดรวม 7 ราย โดยได้เดินทางมาเยี่ยมปู่ย่าที่ อ.หัวหิน ยืนยันตรวจพบเชื้อ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 โดยรักษาตัวโรงพยาบาลหัวหิน ล่าสุดตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 ราย ได้แก่ มารดา ปู่ ย่า อาผู้ชาย ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด
ส่วนอีก 4 ราย เป็นผู้ป่วยรายที่ 5-8 เป็นแรงงานเมียนมา ขณะนี้รักษาตัวที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ หลบหนีเข้าเมือง โดยเดินทางมาจากทวาย 1 รายและย่างกุ้ง 3 ราย ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุมได้เมื่อวันที่ 3-4 มีนาคมที่ผ่านมา รวม 33 ราย ที่ช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่ หมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
ล่าสุดจังหวัดสั่งกักตัวเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรอดูอาการและตรวจหาเชื้อโควิด รวม 204 ราย แบ่งเป็นบุคคลเสี่ยงสูง 73 ราย และเสี่ยงต่ำอีก 131 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทุกรายให้กักตัวสังเกตอาการ 10-14 วัน พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19
จากการตรวจสอบไทม์ไลน์พบว่า หลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้นำแรงงานเมียนมา ควบคุมตัวชั่วคราว ที่ ตชด.146 จากนั้นนำไปฝากขังที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ , สภ.อ่าวน้อย , เรือนจำประจวบคีรีขันธ์ , บ้านพักเด็กและสตรี , ตม.ด่านสิงขร ส่วนผู้ติดเชื้อรักษาตัวโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ส่งผลให้มีผู้เสี่ยงสูง 73 ราย เสี่ยงต่ำ 131 ราย โดยรวมผู้ต้องหาขังรายอื่นในเรือนจำ อีก 29 ราย แต่เบื้องต้น ตรวจไม่พบเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสูง 59 ราย
นายแพทย์สุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลทั่วไป ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพียง 1 ครั้ง หาผลเป็นบวกคือติดเชื้อ แต่หากผลเป็นลบแต่พฤติกรรมเสี่ยงหรืออยู่กับกลุ่มเสี่ยงที่ประเมินว่าไม่น่าปลอดภัยจะตรวจซ้ำเพื่อยืนยันเชื้อ
แต่หากเป็นผู้ต้องขัง จะต้องตรวจยืนยันเชื้อ 3 ครั้ง เนื่องจากเรือนจำเป็นพื้นที่จำกัดที่มีผู้ต้องขังจำนวนมาก หากมีผู้ป่วยติดเชื้อหลุดเข้าไปในพื้นที่ควบคุม จะส่งผลกระทบเพราะผู้ติดเชื้อจะทวีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก สำหรับโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ สามารถรองรับผู้ป่วยโควิด- 19 ได้
โดยได้เตรียมความพร้อมทั้งห้องปลอดเชื้อแรงดันลบ บุคลากร เวชภัณฑ์ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคลในโรงพยาบาลไว้พร้อม ซึ่งแยกส่วนชัดเจนกับผู้ป่วยรายอื่นหรือผู้ป่วยนอกที่มารับการรักษาทั่วไปในโรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลมีการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในการคัดกรองผู้รับบริการทุกราย
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมา มีโอกาสที่ชาวเมียนมาจะอพยพลักลอบผ่านแดน เข้ามาในประเทศไทย ผ่านด่านสิงขรและช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วหากมีการอพยพจริง
โดยได้สำรวจสถานที่เพื่อรองรับหากมีผู้อพยพ ด่านสิงขร อ.เมือง กำหนดสถานที่ไว้ที่บริเวณวัดรัตนวิเวก ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รองรับได้ 800-1,000 คน ส่วนที่ อ.หัวหิน บริเวณช่องทางป่าละอู เตรียมไว้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.3 (ห้วยป่าเลา) ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน รองรับได้ 500-600 คน
ส่วน อ.บางสะพาน บริเวณช่องชี เตรียมไว้ที่วัดห้วยตะเคียน บ้านห้วยตะเคียน ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน รองรับได้ 200-300 คน และที่ อ.บางสะพานน้อย บริเวณช่องทางเขาตีนเป็ด เตรียมไว้ที่วัดบางเจริญ บ้านบางเจริญ ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย ซึ่งจะสามารถรองรับผู้อพยพได้ราว 800-1,000 คน
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากผู้ติดเชื้ออยู่ในวงจำกัด ในจุดที่ควบคุมได้ จึงเชื้อว่าในภาพรวม จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่น
