หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก จับมือกับ กอ.รมน.จว.ป.ข. และ ศบค.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยกระดับจุดตรวจไชยราช เน้นตรวจเข้มยานพาหนะทุกคัน ที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 10 จังหวัด เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช รองผู้บังหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้เข้าร่วมประชุมเรื่อง กำหนดเพิ่มมาตรการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid–19) โดยใช้กลไกของส่วนประสานงาน กอ.รมน.จังหวัด กับ นายนวรัตน์ วงศ์ปิ่นเพชร นายอำเภอบางสะพานน้อย, พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.สภ.บางสะพานน้อย, นายสมวงศ์ ประพันธ์วงศ์ สสอ.บางสะพานน้อย และหน่วยงานราชการต่างๆในพื้นที่ที่ห้องประชุม จุดตรวจไชยราช
โดยมี พ.อ.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล รอง ผอ.รมน.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุม ซึ่งในห้วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินการตั้งจุดตรวจบริเวณที่พักสายตวจ ต.ไชยราช ริมถนนเพชรเกษม อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์
เพื่อสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid – 19) สายพันธุ์แอฟริกา ที่มีการระบาดในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อไปแพร่ระบาดใน กทม.และเขตภาคกลาง ตามคำสั่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ 5920/2564
แต่ปัจจุบันนี้พบว่ามีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid–19) สายพันธุ์เดลต้า ที่กำลังแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว เกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ออกคำสั่ง การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 27 ซึ่งมีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 10 จังหวัด เป็นพื้นที่ภาคกลาง 6 จังหวัด พื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัด
ซึ่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่อยู่ระหว่างกึ่งกลาง เพื่อให้ประชาชนในพื้นมีความปลอดภัย และลดการติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จึงได้ยกระดับในการตรวจยานพาหนะรวมทั้งบุคคลที่เดินทางมาจาก 10 จังหวัดดังกล่าว และยังเน้นตรวจบุคคลที่เดินทางมาจาก 4 จังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้การยกระดับความเข้มในการตรวจ โดยใช้กลไกของส่วนประสานงาน กอ.รมน.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อบูรณาการปฏิบัติร่วมกับ ศบค.จังหวัด ในการควบคุมและขับเคลื่อน โดยกองทัพบกจะทำทุกอย่าง สนับสนุนเต็มที่ ให้ประเทศผ่านพ้นโควิด-19