สาวสามร้อยยอดตั้งใจเก็บเงินก้อนไว้ซื้อจักรยานยนต์มือสองไว้ใช้ สุดท้ายถูกเพจขายรถหลุดจำนำหลอก ให้โอนเงินจำนวน 16,000 บาทแล้วหายเข้ากลีบเมฆ แจ้งความ สภ.สามร้อยยอด ผ่านไปเกือบ 8 เดือนคดียังไม่คืบหน้า พยายามสืบเองทุกช่องทาง จนรู้ข้อมูลทั้งบัญชีปลายทางและการโอนเงินต่อไปให้เจ้าของเพจ ยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด เชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ
วันที่ 3 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวปณตพร ศรีตระการ อายุ 27 ปี ชาว ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกหลอกให้โอนจำนวน 16,000 บาท เป็นค่าซื้อรถจักรยานยนต์มือสอง จากเพจเฟซบุ๊กชื่อ รถหลุดจำนำทั่วประเทศ ซึ่งมีคนติดตามอยู่หลายหมื่นคน แต่ภายหลังโอนเงินเรียบร้อย กลับออกลายแสดงตัวเป็นโจรเชิดเงินหนีหายเข้ากลีบเมฆ ถูกบล็อกทุกช่องทาง ทั้งทางโทรศัพท์มือถือ และทางแฟนเพจดังกล่าว
เมื่อมั่นใจแล้วว่าถูกโกงเงินจำนวนดังกล่าว จึงนำหลักฐานการติดต่อซื้อขายทางข้อความออนไลน์ทั้งหมด เข้าแจ้งความที่ สภ.สามาร้อยยอด เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในวันที่ 28 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ เวลาผ่านไปเกือบ 8 เดือน แล้วแต่คดียังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ และไม่มีท่าทีว่า ตนจะได้เงินคืน หรือติดตามจับตัวคนก่อเหตุและผู้ร่วมกระบวนการได้
นางสาวปณตพร เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนทำงานขายของตระเวนต่างจังหวัดในงานแสดงสินค้า เก็บเล็กผสมน้อยจนได้เงินก้อน กระทั่งโควิด-19 ระบาด ทำให้ไม่สามารถไปขายของต่างจังหวัดได้ จึงอยากหารถจักรยานยนต์มือสองไว้ใช้งานในราคาไม่แพงมากนัก เพราะคิดว่าเอามาไว้ใช้ในหมู่บ้าน เพื่อความสะดวก
จึงได้เข้าเลือกดูตามแฟนเพจต่าง ๆ ที่ขายรถจักรยานยนต์มือสอง กระทั่งมาเจอเพจ “รถหลุดจำนำทั่วประเทศ” ที่เป็นคู่กรณี ซึ่งตนไปเจอรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีแดง ประกาศขายในราคา 16,500 บาท จึงได้อินบ็อกซ์ไปสอบถามข้อมูลทางเพจ เจรจาตกลงกัน จนเหลือค่ารถ จำนวน 16,000 บาท และทางเพจจะส่งรถมาให้ทางระบบขนส่ง
ตนพยายามรอบคอบแล้ว ตรวจดูความน่าเชื่อถือของเพจดังกล่าว มีผู้กดถูกใจและกดติดตาม กว่า 3 หมื่นคน มีการโพสต์รูปรถจักรยานยนต์ แสดงรูปถ่ายชัดเจน หลากหลายยี่ห้อ บอกรายละเอียดครบถ้วน และลงราคาขายไม่แพงจนเกินไป มีการโพสต์ขายรถจักรยานยนต์ได้ทุกวัน วันละหลายคัน และเมื่อเข้าไปดูในคอมเม้นต์ ไม่ปรากฏการต่อว่า ว่ามีการเหตุฉ้อโกง หรือไม่ได้รับรถแต่อย่างใด จึงทำให้ตนเกิดความเชื่อถือและหลงเชื่อถูกหลอกโอนเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ตนได้ติดต่อกับทางเจ้าของเพจดังกล่าว ซึ่งต่อมาตนสืบทราบมาภายหลัง ชื่อว่านายอนิรุจน์ (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.นครราชสีมา ได้พยายามหว่านล้อมให้รีบโอนเงิน จึงได้โอนเงินไปในวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมาโดยโอนเงินไปชื่อบัญชี นายณัฐพล สองไทย
ภายหลังโอนเงินก็ติดตามเรื่องการส่งมอบรถ ปรากฏว่า นายอนิรุจน์ พยายามหาข้ออ้างหลายอย่าง และบล็อกจนเองทุกช่องทาง ทั้งทางเพจ และ ไลน์ จากนั้นได้ขอยืมมือถือของญาติติดต่อเข้าไป เมื่อนายอนิรุจน์ ติดต่อกลับมา ได้แสดงตัวว่าปรากฏว่า นายก็บล็อกเบอร์ญาติอีก จึงแน่ใจแล้วว่าถูกหลอกแน่นอน จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.สามร้อยยอด เมื่อวันที่ 28 มกราคม ทันที
ทางตำรวจได้ออกเอกสารให้ตนไปติดต่อธนาคารปลายทางที่โอนไป จึงทราบว่าเป็นบัญชีของนาย นายณัฐพล สองไทย มีภูมิลำเนาในจังหวัดสงขลา ตนจึงได้ติดต่อเข้าไป ทีแรกนายณัฐพลปฏิเสธไม่รู้เรื่องด้วย จนกระทั่งท้ายที่สุดแล้ว ยอมเปิดปากยอมรับว่า เป็นผู้รับจ้างเปิดบัญชีมาในราคาสามพันบาท
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตนพยายามติดต่อ พยายามติดตามทุกช่องทาง เพื่อติดตามทั้งนายณัฐพล และนายอนุรุจน์ มาตลอดแต่ก็ไม่เป็นผล ถูกท้าให้เอาตำรวจมาจับ ตนสืบจากโซเซียลจนรู้ว่ามีหลายคนถูกหลอกแบบตน คาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ ตนเองอยากได้เงินคืน เพราะเป็นเงินเก็บ และตนกำลังเดือดร้อนจากโควิด
ทุกวันนี้ตนยังเห็นผู้ก่อเหตุ เพจดังกล่าว โพสต์ขายรถจักรยานยนต์ตลอดเวลา โกงเขาไปทั่ว โดยไม่มีความสำนึกคนอื่นจะเดือดร้อน สุดท้ายแม้ตนจะไม่ได้เงินคืน ตนก็อยากให้คนก่อเหตุถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะได้ไม่ทำกับคนอื่นอีก
นอกจากจะติดตามทางผู้ก่อเหตุแล้ว ตนก็ติดตามความคืบหน้าทางคดี กับทาง รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี ยศ. ร.ต.อ. ของ สภ.สามร้อยยอด ด้วย ซึ่งไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย บอกแต่เพียงว่า หมายจับจะออกวันนั้นวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าวันไหน และไม่รู้ว่าจะจับคนร้ายได้หรือไม่ ส่วนตำรวจที่ จ.สงขลา ที่ติดต่อไปบอกแต่เพียงว่า ยังไม่มีเรื่องส่งมาถึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้
กระทั่งล่าสุดวันนี้ ตนได้ติดต่อกลับไปยัง ตำรวจเจ้าของคดี ยศ. ร.ต.อ. ของ สภ.สามร้อยยอด อีกครั้งเพื่อสอบถาม และขอสำเนาเอกสารการแจ้งความและหมายจับดังกล่าว ทำให้ทราบว่า พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด ได้ขออนุมัติหมายจับที่ จ./2564 คดีอาญาที่ 224/2564 จับกุม นายณัฐพล สองไทย อายุ 23 ปี ชาว จ.สงขลา จากศาลจังหวัดหัวหิน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 หรือเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ในฐานความผิด ฉ้อโกง ส่วนตำรวจที่สงขลาก็แจ้งว่า ได้วางกำลังตำรวจเพื่อเตรียมจับกุมผู้ต้องหาทันทีที่ปรากฏตัว