อาชญากรรม » ชาวบ้านบ่อฝ้าย ร้องตำรวจหัวหิน ‘เร่งล่ามือปาหิน’ ก่อเหตุทั้งกลางวันกลางคืน ทำคนแก่และเด็กหวาดผวา

ชาวบ้านบ่อฝ้าย ร้องตำรวจหัวหิน ‘เร่งล่ามือปาหิน’ ก่อเหตุทั้งกลางวันกลางคืน ทำคนแก่และเด็กหวาดผวา

20 กันยายน 2021
1365   0

ชาวบ้านบ่อฝ้าย ร้องตำรวจหัวหิน ‘เร่งล่ามือปาหิน’ หลังถูกมือมืด ขวางปาก้อนหินใส่หลังคาบ้าน ก่อเหตุทั้งกลางวันกลางคืน นานร่วมเดือน โดยไม่รู้สาเหตุ ทำคนแก่และเด็กต่างหวาดผวา ไม่ได้หลับได้นอน ด้าน ผกก.สภ.หัวหิน พร้อมชุดสืบสวน ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน และหาข้อมูล เร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

วันที่ 20  กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านบ่อฝ้าย เขตเทศบาลเมืองหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังถูกมือมืดก่อนเหตุขวางปาก้อนหินใส่หลังคาบ้าน ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่รู้สาเหตุจูงใจ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

โดยล่าสุดได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.หัวหิน แล้วนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ที่บริเวณหลังคาของบ้านหลายหลัง ยังมีเศษก้อนหินขนาดเล็กค้างอยู่บนหลังคา ส่วนหลังที่กระเบื้องหลังคาแตกเสียหายได้เร่งซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่แล้วเพราะเป็นฤดูฝนทำให้น้ำไหลเข้าบ้าน

นางสาวเบญจวรรณ เกตุแก้ว อายุ 43 ปี เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ครอบครัวของตนและเครือญาตรวม 6 ครอบครัว ที่ปลูกอยู่ใกล้เคียงกัน ต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังถูกมือมืดขวางปาก้อนหินทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ใส่หลังคาบ้าน

โดยที่บ้านของญาต หลังคาแตกเป็นรูขนาดใหญ่ ต้องรีบเปลี่ยนกระเบื้องเพราะหน้าฝน ส่วนบ้านหลังอื่นแม้หลังหลังคาไม่แตก แต่เสียงดังทำให้ตกใจ สร้างความเดือดร้อน รำคาญ และหวาดกลัวคนแก่และเด็กที่บ้านต่างขวัญผวาเวลาได้ยินเสียง

ครอบครัวจึงได้รวบรวมข้อมูลเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.หัวหิน เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิดกับบุคคลใดได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำให้ติดกล้องวงจรปิด ทางครอบครัวเร่งติดกล้องทันที แต่ปรากฏว่า คนก่อเหตุ ได้เปลี่ยนทิศทางปาหิน ไปยังด้านอื่นที่ไม่ได้ติดกล้อง คนในบ้านพยายามเฝ้าระวังคอยรอดูเพื่อหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ พอได้ยินเสียงดังรีบออกไปดู แต่ไม่พบตัว

นอกจากนั้นยังเคยแจ้ง 191 ตำรวจสายตรวจมาตรวจสอบไม่พบตัว แต่พบกลับครู่เดียวก็ปาหินมาอีก สุดท้ายตนทนไม่ไหวต้องโพสต์ขอความช่วยเหลือจากสังคม ผ่านสื่อออนไลน์ อยากให้จับคนก่อเหตุได้โดยเร็วทุกครอบครัวจะได้กลับมาอยู่อย่างสงบสุขอีกครั้ง

ด้าน นางสาวจิตสุภา ระหัสดี อายุ 66 ปี เล่าว่า บ้านของตนเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนอยู่ริมถนนจึงทำให้เป็นบ้านหลังแรกที่ถูกคนร้ายก่อเหตุปาก้อนหินใส่ และถูกปาก้อนหินมากที่สุด ซึ่งด้านหลังบ้านได้ปลูกต้นกล้วยไว้จำนวนมาก ก็กลัวว่าคนร้ายจะมาแอบซ้อนทำให้ตัดสินใจตัดต้นกล้วยทิ้ง แต่ก็ยังเกิดเหตุอีก ตนอาศัยอยู่กับหลาน ทำให้ตกใจเวลาก้อนหินตกใส่หลังคา ทำไม่ได้หลับได้นอน พอติดกล้องวงจรปิดทำให้พอได้นอนหลับได้บ้าง

หากจับคนร้ายได้ อยากถามคำถามว่า มาปาหลังคาบ้านเราทำไม ไปทำอะไรให้ เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังงงกับเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทั้งบ้านพี่สาว น้องสาว และหลาน โดนกันทั่วหน้า โดยที่ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง

ด้านคุณยายน้ำค้าง ระหัสดี อายุ 84 ปี เล่าว่า เวลาได้ยินเสียงดังบนหลังคาทำให้ตกใจ นอนไม่หลับ หวาดกลัวแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ ตนอยู่บ่อฝ้ายมานานหลายสิบปีไม่เคยมีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว กระทั่งเมื่อคืนมีก้อนหินปาใส่หลังคาสังกะสีของบ้านหลายครั้ง ทำให้หลาน ๆ  ทนไม่ไหว มาอุ้มยายไปนอนที่บ้านอีกหลัง แม้จะกลัวแต่นอนไม่หลับ คืนนี้จะไม่ย้ายไปไหน คนอื่นรู้เรื่องเยอะแล้ว คนร้ายคงไม่กล้าก่อเหตุซ้ำ

ขณะเดียวกันวันนี้ พ.ต.อ.ไพทูล  พรมเขียน ผกก.สภ.หัวหิน พร้อมด้วย พ.ต.ท.กานต์ บุญประคอง รอง ผกก.สส.สภ.หัวหิน พร้อมชุดสืบสวน สภ.หัวหิน และ นายรวีโรจน์  แถมมี  ส.อบจ.ประจวบคีรีขันธ์  ลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยได้พูดคุยกับผู้เสียหาย และตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม

พ.ต.อ.ไพทูล กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุ ตนได้มอบหมายชุดสายตรวจมาเฝ้าสังเกตหาบุคคลต้องสงสัย ปรากฏว่าในช่วงที่ตำรวจอยู่นั้นไม่พบตัว และยังปรากฏมีเหตุเกิดขึ้นซ้ำอีก จึงให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว หาข้อมูลข้อเท็จจริง รวมทั้งสอบสวนไปถึงเหตุทะเลาะเบาะแว้ง หรือเหตุจูงใจที่อาจจะทำให้คนร้ายก่อเหตุสร้างความเดือดร้อน

ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เชิญบุคคลที่เคยมีปัญหากันมาก่อนหน้านี้ไปให้ข้อมูล เพื่อหาความเชื่อมโยงทางคดี พร้อมกับจับชุดสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์เพิ่มเติมด้วย เพื่อให้ทราบตัวคนร้าย ยืนยันว่าจะต้องจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ โดยอยากเตือนไปถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับบุคคลอื่น ให้หยุดพฤติกรรม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบจะถูกดำเนินดคีทุกราย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับซอยบ้านที่เกิดเหตุทั้ง 6 หลัง เป็นถนนซอยตัน ด้านในได้ตัดถนนส่วนบุคคลเพิ่ม เพื่อให้คนในครอบครัวสัญจรออกไปยังถนนคันคลองอีกด้านหนึ่งได้  ทำให้มีความชัดเจนว่า ถนนเส้นดังกล่าว ไม่มีบุคคลอื่นเข้ามาในซอย หากเป็นบุคคลแปลกหน้า จะรู้ได้ทันที

เบื้องต้นคาดว่า ผู้ก่อเหตุจะต้องขวางปาก้อนหินในระยะใกล้ ไม่กี่สิบเมตร หากเป็นก้อนหินขนาดเล็กคาดว่าจะใช้หนังสติ๊กในการก่อเหตุ แต่กรณีก้อนหินก้อนใหญ่ คาดว่าจะใช้วิธีการขวางปาใส่หลังคาบ้าน ซึ่งผู้ก่อเหตุน่าจะอยู่ไม่ไกลจากบ้านผู้เสียหายมากนัก เพราะรู้มุมกล้องวงจรปิด และรู้การเคลื่อนไหวของคนในบ้านด้วย