ฝ่ายความมั่นคงประจวบฯ รวบแรงงานเมียนมา ได้เพิ่มอีก 34 คน ทะลักเข้าประจวบฯต่อเนื่อง แค่ 12 วัน 113 คนแล้ว ยังไร้สถานที่กักตัว 14 วัน
วันที่ 14 ตุลาคม 2564 เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ทหาร ชุดเฉพาะกิจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองเมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว , หมู่ 9 บ้าน กม.12 ต.อ่าวน้อย , ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน , ชรบ. และ อส. เข้าจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ซึ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมา ได้เพิ่มอีก 34 ราย แบ่งเป็นชาย 10 ราย และหญิงอีก 24 ราย ทุกคนลอบเข้าไทยที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผ่านช่องทางธรรมชาติ เดินทางมาพร้อมกระเป๋าสัมภาระ
โดยลักลอบเดินเท้าเข้ามาแอบหลบซ่อนตัวอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบพบและจับกุมดังกล่าว โดยได้ตรวจยึดสัมภาระและโทรศัพท์มือถือ เพื่อตรวจสอบ
มีรายงานว่า หลังการตรวจค้นอย่างละเอียด ปรากฏว่าพบยาบ้า จำนวน 10 เม็ด บรรจุในหลอดพลาสติก พร้อมอุปกรณ์การเสพของบุคคลต่างด้าวรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่านำติดตัวมาใช้เสพระหว่างเดินทางจากบ้านหมูด่อง ตรงข้ามด่านสิงขร ข้ามสันเขาเข้ามาในไทย โดยมารอนายหน้านำรถมารับไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ จ.สมุทรสาคร
ทั้งนี้ขณะเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังจับกุมส่วนใหญ่ไม่ได้สวมชุด PPE จึงต้องตรวจสอบด้วยความระมัดระวัง ระหว่างรอพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย เดินทางไปควบคุมตัว พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนจัดหาสถานที่เพื่อนำตัวไปกัก 14 วัน จึงจะถึงขั้นตอนผลักดันออกนอกประเทศ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้หารือ เพื่อนำตัวบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไปกักตัวที่ศูนย์คัดแยกและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ด้านหลัง สภ.เมืองประจวบฯ หรือ สถานที่กักตัวกองร้อย ตชด.ที่ 146 ต.คลองวาฬ ซึ่งทั้งสองแห่งกำลังประสบปัญหา เนื่องจากปัจจุบันมีบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาถูกกักตัวไว้จำนวนมากแล้ว และสิ่งสำคัญในช่วงเวลากักตัว 14 วันนี้ ยังขาดงบประมาณราชการในการจัดเลี้ยงอาหาร 3 มื้อด้วย
โดยตั้งแต่วันที่ 3–4 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยจับกุมแรงงานเถื่อนจำนวน 58 คน เป็น ชาย 19 ราย หญิง 39 ราย อายุระหว่าง 18 ถึง 30 ปีพร้อมนายพิมล เลขานุกิจ อายุ 56 ปี คนขับรถตู้รับจ้างไม่ประจำทาง สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน 36-0036 นนทบุรี
ทั้งหมดสารภาพว่าเดินทางมาจากหลายจังหวัดในประเทศเมียนมา จากนั้นรวมตัวกันที่บ้านมูด่อง และเดินข้ามแดนมาฝั่งไทยเพื่อรอนายหน้ามารับ ส่วนหนึ่งอ้างว่าจะไปทำงานในโรงงานสับปะรดโรงงานที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ บางส่วนจะไปทำงานที่โรงงานปลากระป๋อง แพกุ้ง จ.สมุทรสาคร ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้แก๊งนายหน้าในการเดินทางถึงปลายทาง 16,000 -18,000 บาทต่อคน
และต่อมาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบฯ จับกุมแรงงานเมียมาร์อีก 21 คนที่ช่องสิบศพ ต.เกาะหลัก และการจับกุมในครั้งได้อีก 34 คน ทำให้ระเวลา 12 วัน จับกุมได้มากถึง 113 คนแล้ว
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีแรงงานฝั่งเมียนมา อีกนับพันคน ที่เตรียมลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยอ้างว่ามีการจ่ายเงินค่าหัวเป็นทอด ๆ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. เข้มงวดบริเวณช่องทางธรรมชาติจากสันแดนเข้ามาในประเทศระยะทาง 3 กิโลเมตร ลาดตระเวนเข้มข้น เพื่อป้องกันการลักลอบผ่านแดน
และมีรายงานด้วยว่า แรงงานเถื่อนที่เคยถูกจับกุมจำนวนมาก ต่อมาถูกผลักดันกลับ แต่พบว่ามีบางรายลักลอบเข้าไปทำงานในโรงงานสับปะรดแห่งหนึ่ง เนื่องจากโรงงานมีความต้องการแรงงานในสถานการณ์โควิด-19