อาชญากรรม » ผบช.7 แถลงจับ 4 ผู้ต้องหา ชวนลงทุนซื้อลอตเตอรี่ราคาถูก เสียหายกว่า 24 ล้านบาท

ผบช.7 แถลงจับ 4 ผู้ต้องหา ชวนลงทุนซื้อลอตเตอรี่ราคาถูก เสียหายกว่า 24 ล้านบาท

30 มกราคม 2022
999   0

พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ ผบช.7 แถลงจับกุม 4 ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน ชักชวนลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ราคาถูก สุดท้ายไม่ได้สลากฯ เฉพาะหัวหินเสียหายกว่า 24 ล้านบาท มีผู้เสียหายเกือบร้อยราย

วันที่ 30 มกราคม 2565 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.รักษ์จิต หม้อมงคล รอง ผบช.ภ.7 (กม) พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบศีรีขันธ์ พ.ต.อ.เจริญ ชนประเสริฐ ผกก.ส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ได้ร่วมกับสอบสวน นายอนุชา หรือแชม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี ชาว จ.สุโขทัย ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหินที่ จ.8/2565 หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หรือคดีซื้อขายล็อตเตอรี่ เบื้องต้นได้ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน โดยมีผู้เสียหายล่าสุด 81 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะในพื้นที่ อ.หัวหิน จำนวน 24,063,640 บาท

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายจำนวนมากด้วยเช่นกัน อีกทั้งผู้บังคับบัญชาได้สังการให้เร่งรัดคดีโดยเร็วเพื่อช่วยเหลือประชาชน

โดยหลังจากสอบสวนติดตามคดีแล้ว ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้จำนวน 4 คน คือ 1.นายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี อายุ 24 ปี ชาวอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.5/2565  รายที่ 2.นายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู อายุ 23 ปี ชาวอำเภอหัวหิน ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่จ.6/2565 รายที่ 3.นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี อายุ 29 ปี ชาวอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.7/2565 ซึ่งทั้ง 3 รายถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565

และรายที่ 4.นายอนุชา หรือแชม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี ชาว จ.สุโขทัย ตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหินที่ จ.8/2565 ซึ่งจับกุมได้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะฟ้องเป็นกระทงๆไปตามฐานความผิด โดยเบื้องต้นในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ทั้งนี้จากสอบสวนยังพบว่า มีการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน ในพื้นที่ ภาค 1 ภาค 3 และภาค 5 ด้วย ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินจำนวนมากกว่าใน อ.หัวหิน ซึ่งหากประชาชนที่ได้รับความเสียหายในท้องที่ดังกล่าว ขอให้มาแจ้งความเพื่อระบุตัวผู้ต้องหาและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเป็นงวดๆ หากเลยงวดแล้วอย่าคาดหวังว่าจะได้สลากฯคืน หากได้รับความเดือดร้อนขอให้มาแจ้งความจะดีกว่า เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระในทุกข้อหา กับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหานั้น นายภาณุพงศ์หรือชีสฯ นายบัณฑิตหรือปองฯ และนายอนุสรณ์หรือกอล์ฟฯ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกัน โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ด้วยการติดต่อชักชวนประชาชนทั่วไป

โดยเฉพาะชักชวนคนที่รู้จัก และประกาศข้อความทางเฟชบุ๊ค (Facebook) ให้บุคคลทั่วไปทราบ โดยอ้างว่ามีโควตาผู้ใหญ่ ซึ่งมีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และชักชวนให้ร่วมสั่งจองโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหา

ซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกเพียงใบละ 78-79 บาท เป็นเหตุให้ นายสิทธิชัย สายบัว กับพวกรวม 32 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่หลงเชื่อว่า เป็นความจริง จึงได้โอนเงินสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหา

ทั้งนี้ในช่วงแรกจะได้สลากตามที่สั่งซื้อ เมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลาก ด้วยจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลุ่มของผู้ต้องหาได้เงินไปแล้ว แต่ไม่ได้นำสลากมาส่งมอบ ให้กับผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อ และเมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามเงินคืน นายภาณุพงศหรือชีสฯ จึงให้ข้อเท็จจริงว่า นายนายอนุซาหรือแชมฯ เป็นผู้รับเงินต่อไปอีกทอดหนึ่ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้ง 32 คน ได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวน 24,063,640 บาท

ทั้งนี้ในคดีมีผู้เสียหายจำนวนมากและความเสียหายหลายสิบล้าน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมาย ฟอกเงิน คณะพนักงานสอบสวน ได้ประสานแจ้งไปยังสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาไว้อีกส่วนหนึ่ง ส่วนกรณีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนจะได้ เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขยายผลต่อไปให้ถึงที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย

ผู้เสียหายชาวหัวหิน รายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า สูญเงินไป 150,000 บาท หลังได้รับการชักชวนจากคนรู้จักให้ลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาถูก ยอมรับว่าสนใจเนื่องจากส่วนตัวทำธุรกิจอยู่แล้ว แต่ได้ติดตามข่าวสารมาบ้าง ทำให้ทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้วว่าอาจจะโดยโกง เบื้องต้น ตนลงทุน ซื้อสลาก 4 กล่อง ในราคา 150,000 บาท เฉลี่ยใบละ 78 บาท ปรากฏว่าได้รับของจริง และสามารถขายทำกำไรได้ จึงลงทุนเรื่อยมารวม 4 ครั้ง

กระทั่งครั้งที่ 5 ปรากฏว่าถูกโกงดังกล่าว ขณะที่คนรู้จักที่ลงทุนเช่นเดียวกัน ต่างถูกโกงกันทั่วหน้า รายละ 70,000 – 80,000 บาท บางราย 100,000-200,000 บาท ส่วนคนรู้จักที่เจ็บหนัก ทราบว่า ถูกโกงถึง 3 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นบุคคลที่มีมูลค่าสูงสุดในกลุ่มคนที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ยอมรับว่าทำใจว่าจะไม่ได้เงินคืน แต่ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และติดตามเงินที่หายไปกลับคืนมาให้กับกลุ่มผู้เสียหายด้วย