หนุ่มหัวหิน ‘หลอนจนคลุ้มคลั่ง’ ปีนขึ้นหลังคาบ้าน รื้อหลังคา-งัดผนังบ้าน จนเสียหายทั้งหลัง เดือดร้อนถึง ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยกู้ภัยฯ และตำรวจหัวหิน ต้องช่วยกันเกลี้ยกล่อมอยู่นานนับชั่วโมงกว่าจะสงบ ก่อนจะนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล
วันที่ 2 มิถุนายน 2565 หน่วยกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน รับแจ้งเหตุมีชายวัยรุ่น เกิดอาการหลอน จนคลุ้มคลั่ง รื้อทำลายทรัพย์สินในบ้าน และก่อเหตุรื้อถอนทำร้ายบ้านจนเสียหายเกือบทั้งหลัง โดยที่เกิดเหตุอยู่ที่หมู่บ้านหนองตะเภา ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังรับแจ้ง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ร่วมออกตรวจสอบและระงับเหตุดังกล่าว
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้าน แบบสองชั้น โดยชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุปีนอยู่บนหลังคา สภาพหลังคา ผนังบ้าน ตลอดจนทรัพย์สินภายในบ้าน ถูกรื้อค้นทำลายเสียหายเกือบทั้งหลัง
โดยผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นลูกชายเจ้าของบ้าน ชื่อนายเอ(นามสมมุติ) อายุ 26 ปี โดยนายเอ ได้โยนข้าวของทิ้งรอบบ้าน ลักษณะอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ปีนป่ายเพื่อรื้อบ้าน โดยมีมารดาเฝ้าดูพยายามร้องห้ามแต่ไม่สามารถห้ามปรามได้ และหวั่นว่าลูกชายจะเกิดอันตรายพลัดตกลงมาได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นานนับชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล นายเอยังคงรื้อทำลายข้าวของ รื้อบ้าน จนชั้นสองของบ้านที่ทำจากไม้ ทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ไม่สามารถกันแดดกันฝนได้
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านหนองตะเภา ได้รีบเดินทางมาถึงบ้านหลังเกิดเหตุทันทีหลังทราบเรื่อง และรีบช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง ทำให้ นายเอ ค่อยสงบลงสุดท้ายยอมลงมาจากหลังคาในที่สุด ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน จะนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวหินให้แพทย์รักษา
ทางด้าน มารดา ของนายเอ เปิดเผยว่า ลูกชายเคยได้รับการบำบัดจากการเสพยาเสพติดเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา จนหายและมีอาการปกติ กลับมาประกอบอาชีพได้และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่พอประมาณ 2ปี ที่ผ่านมา หลังลูกชายไปทำงานที่จังหวัดนครปฐมและตกงาน เพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วัน
จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ ลูกชายมีอาการหลอน ไม่ทราบแน่ชัดว่า เกิดจากภาวะความเครียดที่ตกงานหรือเกิดจากสาเหตุใด บอกกับตนว่ามีคนจะมาทำร้าย และมีอาการหนักขึ้นเมื่อตอนช่วงเช้า ก่อเหตุปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วรื้อกระเบื้องหลังคา รื้อผนังบ้านชั้นสองที่ทำจากไม้ ทำลายข้าวของเสียหายอย่างที่เห็น
ตนพยายามร้องห้ามแต่ลูกไม่ฟังเสียง จึงได้แจ้งหน่วยกู้ภัยฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ใหญ่บ้านมาช่วยกันเกลี้ยกล่อม นำตัวส่งโรงพยาบาลหัวหินเพื่อทำการรักษา ส่วนบ้านที่พังเสียหาย คงต้องพักอาศัยที่ชั้นล่างไปก่อน แต่หากฝนตกลงมาคงลำบาก
