“ไทยเบฟ”ขับเคลื่อนสังคม ลุยสร้างความตระหนัก “การให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ “Serve Responsibly” เน้นปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกฎหมาย และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ โรงแรม Amari Hua Hin จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้จัดอบรมเชิงปฎิบัติการ (Workshop) ให้กับผู้ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากโรงแรมต่าง ๆ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมอบรม ในโครงการ “การให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม” ครั้งที่ 10 หรือ “Serve Responsibly” โดยเน้นการปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกฎหมาย และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
สำหรับการอบรมเน้นกิจกรรมที่สอดแทรกเนื้อหาสาระของการเป็นผู้ให้บริการที่มีความรับผิดชอบ ตลอดช่วงเวลาฝึกอบรมในงานได้รับเกียรติจากพันธมิตรหลายภาคส่วน ได้แก่ นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน),
คุณชูศรี ประเสริฐสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักกฎหมาย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มาให้ความรู้ทางด้านกฎหมาย , นพ.พิธาน วงศ์ธนพรเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลบางปะกอก 8 มาให้ความรู้ด้านการแพทย์ และ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราด มาถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากตำรวจให้กับผู้เข้าอบรมเชิงปฎิบัติการในครั้งนี้
นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก ผู้ดูแลโครงการฯ กล่าวว่า จากที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มครบวงจรระดับภูมิภาค บริษัทมีความตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โครงการ Serve Responsibly ได้ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพราะเรามุ่งมั่นที่จะคืนสิ่งที่ดีสู่สังคม
บริษัทมีความตระหนักถึงความรับผิดชอบเพื่อการที่สังคมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความปลอดภัยและมีความสุข จึงได้จัดกิจกรรมต่างๆ ไปถึงผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงการเมาไม่ขับ หรือขับขี่ปลอดภัย จนมาถึงโครงการ Serve Responsibly นี้ที่มุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบการ เพราะว่าผู้ประกอบการบุคคลสำคัญที่จะดูแลผู้บริโภค ถ้าผู้ประกอบการสามารถตระหนักถึงความรับผิดชอบ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างมาก
โดยตลอดการอบรม 9 ครั้งที่ผ่านมา บริษัทได้ไปจัดที่จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ โดยบริษัทหวังว่าผู้ที่เข้ามาอบรบจะได้นำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการนี้ไปถ่ายทอดต่อให้หน่วยงานของท่านๆ เหล่านั้น และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบ ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ทั้งนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มีความมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งดีๆสู่สังคม โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมในแนวทางสร้างสรรค์และตระหนักในเรื่องความรับผิดชอบ โดยมีพันธกิจในเรื่องของการกระตุ้นเตือนผู้บริโภคให้เกิดจิตสำนึกในการดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ
ทั้งในเรื่องของนโยบายการบริหารงานด้านการกำกับดูแลตนเอง การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและเคร่งครัดโดยไม่ทำการตลาดสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับผู้บริโภคที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมถึงการจัดกิจกรรมรณรงค์ “เมาไม่ขับ” ณ จุดที่มีการแสดงคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้น
ทั้งนี้ไทยเบฟ จึงได้มีการต่อยอดและขยายผลกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ไปยังกลุ่มผู้จำหน่ายเครื่องดื่มและเชื่อมโยงไปยังผู้บริโภค จึงก่อให้เกิดแนวคิดในการจัดทำ โครงการ Serve Responsibly หรือ การให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการบริหารงานด้านการกำกับดูแลตนเอง ที่ประกอบไปด้วย 3 ภาคส่วนที่สำคัญคือ ผู้ผลิต (Producers) ผู้จำหน่าย (Distributors) และผู้บริโภค (Consumers)
โดยโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับผู้จำหน่ายโดยตรงและเชื่อมโยงไปถึงผู้บริโภค ซึ่งต้องการสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมในการให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีความรับผิดชอบ
โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราเสี่ยงของผู้บริโภคกับการเกิดอุบัติเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ โดยกลุ่มเป้าหมายจะเริ่มจากผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารพรีเมียม ที่เป็นพันธมิตรขององค์กร โดยเรียนเชิญผู้ประกอบการให้จัดส่งพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเข้าร่วมฝึกอบรม อาทิเช่น ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม, ผู้จัดการบาร์ เป็นต้น
ไทยเบฟมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อผู้เข้าอบรมได้ผ่านการอบรมในหลักสูตร “Serve Responsibly” แล้ว ผู้เข้าอบรมจะได้รับทั้งความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบ และยิ่งไปกว่านั้นคือการมีจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้บริการที่ดี ซึ่งหากผู้ให้บริการทุกคนมีจิตสำนึกที่ดี สังคมก็จะสามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด และไทยเบฟเองก็จะได้ชื่อว่าเป็นองค์กรกำกับดูแลตนเอง ได้อย่างแท้จริง
