สิ่งแวดล้อม » ผู้การประจวบฯ เผยความคืบหน้าคดีลูกช้างป่ากุยบุรี สั่งตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธปืนทั้งหมู่บ้านแล้ว

ผู้การประจวบฯ เผยความคืบหน้าคดีลูกช้างป่ากุยบุรี สั่งตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธปืนทั้งหมู่บ้านแล้ว

1 มิถุนายน 2020
820   0

ผู้การฯ เผยความคืบหน้าคดีลูกช้างป่ากุยบุรี พบกระสุนลูกปราย 2 เม็ดบนตัวลูกช้างป่า รอผลตรวจเชื้อจากตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง  โดยได้สอบปากคำพยานบุคคลไปแล้ว 6 ปาก และเร่งตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธปืนในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว ส่วนกรณีสื่อบางสำนัก ระบุว่า มีร่องรอยกระสุนทะลุสำไส้ของลูกช้างป่านั้น จะให้พนักงานสอบสวนสอบถามข้อเท็จจริงจากนายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร

วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฎิบัติการสถานีตำรวจภูธรสามร้อยยอด พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกประชุม พ.ต.อ.ภาคภูมิ  โห้ใย ผกก.สภ.สามร้อยยอด ,พ.ต.ท.วิชาญ ยศชู
รอง ผกก.ป ฯ , พ.ต.ท.กมลาสน์  อรุณภาคมงคล รอง ผกก.สส.สภ.สามร้อยยอด
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ‘น้องวังไทร’ ลูกช้างป่ากุยบุรี มีงายาวสวยงาม อายุประมาณ 5-6 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บมีร่องรอยถูกยิงเข้าตามตัวหลายแห่งก่อนล้มป่วย จนร่างกายซูบผอมไม่มีแรง  ถูกพบภายในสวนโกโก้และขนุนของชาวบ้าน ที่บ้านวังไทร ม.7 ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 29 พค.63 ที่ผ่านมานั้น  ซึ่งทีมสัตวแพทยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ดูแลรักษาอาการป่วย นาน 3 วัน ก่อนจะล้มจากไปอย่างสงบเมื่อเวลา 17.24 น.ของวันที่ 31 พฤษภาคม2563 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้นายรักพงษ์ บุญย่อย​ หัวหน้าอุทยานแก่งชาติกุยบุรี ได้นิมนต์พระสงฆ์เพื่อทำพิธีทางศาสนา โดยมีนายไพโรจน์ นาครักษา ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ , นายจำลอง จงศรี ผอ.ส่วนประสานความร่วมมือด้านทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า​ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี , นายภิรมย์ นิทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , นายพิทักษ์  พิศสิริวัฒนสุทธิ์ นายอำเภอสามร้อยยอด ตลอดจนชาวบ้านวังไทร ที่ติดตามอาการป่วยของลูกช้างป่า และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีร่วมพิธีทางศาสนาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับลูกช้างป่าด้วย

จากนั้น สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย สัตวแพทย์หญิงกชกร พิมพ์เสน  สัตวแพทย์กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า , เจ้าหน้าที่สัตวบาลจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี  ได้ช่วยกันผ่าซากลูกช้างป่า เพื่อเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจากอวัยวะที่สำคัญของลูกช้างป่าส่งตรวจที่ห้องปฎิบัติการ มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งตัวอย่างเลือดของลูกช้างป่าตรวจหาเชื้อ ผลปรากฎว่า ค่าตับสูงผิดปกติ

ซึ่งการผ่าซากลูกช้างป่า พบว่า ทางเดินอาหารมีความผิดปกติ ลักษณะเป็นรอยแดงเป็นจ้ำๆ พบพยาธิในตับลูกช้างจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับผลตรวจเลือดที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่ามี ค่าตับสูงผิดปกติ  และล้วงทวารช้างเพื่อนำมูลออกมาพบว่ามีพยาธิจำนวนมาก   ซึ่งสิ่งที่ตรวจพบเบื้องต้นขณะผ่าซากลูกช้างป่า  สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า  ลูกช้างป่ามีอาการป่วยเรื้อรัง ขาดน้ำ และภาวะท้องอืดร่วมด้วย จนเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้เสียชีวิตในที่สุด  แต่ทั้งนี้จะต้องรอผลการตรวจชิ้นเนื้อจากห้องปฏิบัติการมาเทียบเคียง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงด้วย

นอกจากนี้ จากกรณีที่ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ สแกนพบวัตถุโลหะตามตัวลูกช้างป่า รวม 5แห่งนั้น จากการผ่าซากพบกระสุนลูกปรายขนาด 9 ที่ตัวลูกช้าง จำนวน 2 จุดๆละ 1 เม็ด ที่บริเวณ จุดที่1และ2 หรือบริเวณสะโพกซ้ายและลำตัวซ้าย ส่วนบาดแผลขนาดใหญ่ที่ก้นลูกช้างนั้นไม่พบวัตถุโลหะ เบื้องต้นสันนิฐานว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นร่องรอยถูกงาแทง จากการต่อสู้หรือการช่วยเหลือของช้างงาด้วยการที่ต้องการจะดันให้ลุกขึ้น

พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีไปแล้ว 6 ปาก และเตรียมเรียกบุคคลอื่นมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย สำหรับกรณีวัตถุโลหะที่ตรวจพบเป็นกระสุนลูกปรายที่บริเวณตัวลูกช้างนั้น เบื้องต้นยังไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ลูกช้างป่าตาย และลักษณะการเข้าของลูกกระสุนตามตัวลูกช้าง ลักษณะไม่ได้เจาะจงหมายเอาชีวิต  คาดว่าจะเป็นการยิงเพื่อขับไล่หรือป้องกันตัวมากกว่า โดยขณะนี้ได้ทำหนังสือถึงนายทะเบียน อำเภอสามร้อยยอด เพื่อขอรายชื่อผู้ครอบครองอาวุธปืนทุกรุ่นทุกขนาดในพื้นที่ ม.7 ต.ไร่ใหม่ มาตรวจสอบทั้งหมด

ส่วนกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อบางสำนักว่า มีร่องรอยกระสุนทะลุสำไส้ของลูกช้างป่านั้น ตนจะให้พนักงานสอบสวนสอบถามข้อเท็จจริงจากนายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร  เพราะหากมีร่องรอยกระสุนที่ลำไส้จริง ตนเชื่อว่าจะต้องพบหัวกระสุน และจะต้องเป็นหัวกระสุนปืนชนิดรุนแรงอย่าง กระสุนปืนไรเฟิลที่จะมีอานุภาพยิงทะลุช้างป่าได้  ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนนี้ด้วย