เป็นข่าว » น่าเศร้า! พบลูกช้างป่ากุยบุรี ตายกลางบ่อน้ำ สัตวแพทย์ผ่าพบกระสุนลูกซอง4เม็ด และตายจากสาเหตุน้ำท่วมปอด

น่าเศร้า! พบลูกช้างป่ากุยบุรี ตายกลางบ่อน้ำ สัตวแพทย์ผ่าพบกระสุนลูกซอง4เม็ด และตายจากสาเหตุน้ำท่วมปอด

12 มิถุนายน 2020
859   0

น่าเศร้า! พบลูกช้างป่ากุยบุรี อายุ 6-7 ปี ตายกลางบ่อน้ำ สัตวแพทย์ผ่าพบกระสุนลูกซอง ขนาด 9 จำนวน 4 เม็ด กระสุนทะลุกระดูกซีโครง เสียชีวิตจากภาวะน้ำท่วมปอด ทั้งนี้ไม่ถึง 1 เดือน พบช้างป่าตายแล้ว 3 ตัว ด้านกำนันตำบลหาดขามเผย รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุดังกล่าว ทั้งที่ในพื้นที่เป็นเขตอนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว จากนี้จะได้หารือร่วมกับนายอำเภอวางมาตราการป้องกันระยะยาว

วันที่ 12 มิถุนายน 2563 นายรักพงษ์  บุญย่อย  หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี  เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าหน่วยห้วยลึก ได้ตรวจ พบซากลูกช้างป่า อายุประมาณ​ 6-7 ปี เพศผู้ไม่มีงา สภาพขึ้นอืด นอนตายกลางบ่อน้ำ บ่อที่5 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ม.7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้รายงานให้ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้ทราบเหตุการณ์ เพื่อรายงานให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ทราบตามลำดับ

ทั้งนี้ นายอานนท์  พร้อมเพรียง  นายอำเภอกุยบุรี ได้ลงพื้นที่พร้อมด้วย  นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนัน ต.หาดขาม ,​ พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.บ้านยางชุม , ร.ต.อ.สมบัติ สำเรียนรัมย์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านยางชุม และ นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ๊คโฮมาตักซากลูกช้างป่าที่อยู่กลางบ่อน้ำกลับเข้ามาบนฝั่งเพื่อตรวจสอบ โดยได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีทางศาสนาให้กับลูกช้างป่าด้วย

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าตรวจสอบสแกนหาวัตถุโลหะภายในตัวลูกช้าง หลังตรวจพบรูกระสุนขนาดเล็กหลายรูที่บริเวณส่วนหลัง บริเวณขา และ ลำตัวด้านขวาของลูกช้างป่า รวมหลายแห่ง

จากนั้นทีมสัตวแพทย์ ได้เข้าผ่าซากลูกช้างป่า ซึ่ง สัตวแพทย์หญิงภาวิณี  แก้วแกม สัตวแพทย์สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี และเจ้าหน้าที่สัตวบาล ได้เข้าตรวจสอบและผ่าซากลูกช้างป่า พบกระสุนลูกซอง ขนาด9 จำนวน 4 เม็ดฝังอยู่ในตัวลูกช้าง จากลักษณะบาดแผลคาดว่าจะถูกยิงมาแล้วไม่น้อยกว่า 1เดือน เนื่องจากสภาพบาดแผลเก่า มีการสร้างเนื้อเยื่อมาปิดปากแผลแล้วบางส่วน

ทั้งนี้เมื่อผ่าแล้ว พบว่า จุดที่ 1 ที่บริเวณสะโพกหลังขวา จุดที่ 2 บริเวณสันหลังห่างโคนหาง 40 ซม. จุดที่ 3 บริเวณท้องซีกขวา ซึ่งทั้งสามจุดกระสุนอยู่ที่บริเวณชั้นผิวหนัง และจุดที่ 4 ที่บริเวณหลังขาหน้าขวา กระสุนทะลุกระดูกซี่โครง  ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่น่าจะทำให้ลูกช้างป่าบาดเจ็บและมีอาการป่วย ก่อนจะลงบ่อน้ำเพื่อหาน้ำกิน เพื่อระบายความร้อนในร่างกายตามสัญชาติญาณสัตว์ป่า  จนเกิดการสำลักน้ำหรืออาจจะจมน้ำ เนื่องจากสัตวแพทย์ตรวจพบว่า มีภาวะน้ำท่วมปอดด้วย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุการตายของลูกช้างป่าตัวดังกล่าว ส่วนอวัยวะภายในลูกช้างป่า ไม่สามารถเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อส่งตรวจได้ เนื่องจาก เน่าเสียทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำซากลูกช้างป่าฝังกลบโดยโรยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อตามหลักวิชาการด้วย

ทางด้าน พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.บ้านยางชุม เปิดเผยว่า ได้รายงานเรื่องนี้ ให้ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทราบแล้ว ส่วนแนวทางการสอบสวนนั้น ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ขอข้อมูลการครอบครองอาวุธปืนลูกชอง ของพื้นที่ ม.7 บ้านรวมไทย และพื้นที่ใกล้เคียง ของ อ.กุยบุรี มาตรวจสอบทั้งหมด พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลประวัติการถูกจับกุม ด้วยอาวุธปืนย้อนหลัง 3ปี ในพื้นที่มาตรวจสอบด้วย

อีกทั้งได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาข่าว ว่ามีไร่หรือสวนใครที่ใช้อาวุธปืนลูกชองในการเฝ้าไร่บ้าง รวมทั้งตรวจดูจุดที่ทำห้างเฝ้าไร่ เนื่องจากลักษณะบาดแผลที่พบว่าบนตัวลูกช้างป่าลักษณะเป็นมุงสูง จึงคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะนั่งห้างขณะก่อเหตุยิงลูกช้างป่าด้วย โดยจากนี้จะได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี , สัตวแพทย์ ตลอดจนกำนันผู้ใหญ่บ้าน มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

ทางด้าน นายศรีสวัสดิ์ บุญมา  กำนัน ต.หาดขาม กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจเมื่อพบว่ามีลูกช้างป่าตาย และพบว่าถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซอง ขนาด9 แม้ว่าจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตายทันที แต่การถูกยิงทำให้เจ็บป่วยและตายได้ในที่สุด เนื่องจากในพื้นที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นได้

ซึ่งที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.กุยบุรี ไม่พบคดียิงช้างป่านานแล้ว จากนี้คงต้องปรึกษาหารือกับนายอำเภอกุยบุรี เพื่อวางมาตราการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ซึ่งคงต้องลงพื้นที่สำรวจเป็นข้อมูลและมีข้อห้าม หรือบทลงโทษที่ชัดเจนต่อไป รวมทั้งเรื่องของการใช้รั้วไฟฟ้ากั้นช้างป่าด้วย โดยทางอำเภอกุยบุรีได้มีการประชุมวางมาตราการป้องกันไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากพบว่ามีบทเรียนจากเหตุช้างป่ากุยบุรีตาย ที่ อ.ปราณบุรี จากการถูกไฟฟ้าช็อตดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง1เดือน มีรายงานว่า พบช้างป่า ตาย แล้ว 3 ตัว โดยตัวแรก พบเมื่อวันที่ 29พฤษภาคม ที่บ้านวังไทร ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธื เป็นลูกช้างป่า อายุ 5-7 ปี เพศผู้ งายาว สภาพป่วยผอมโซ ตรวจพบกระสุนลูกซอง ขนาด 9 จำนวน 2 เม็ด ทีมสัตวแพทย์ พยายามรักษาอาการป่วยได้เพียง 3 วัน สุดท้ายตายเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ตัวที่สอง เป็นช้างป่าขนาดใหญ่ พบซากที่ บ้านท่ากระทุ่น ม.5 ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์​ ถูกกระแสไฟฟ้าจากรั้วกั้นสวนมะม่วงช็อตตาย และตัวที่สาม ซึ่งเป็นตัวล่าสุด พบวันนี้ (12มิถุนายน 2563)  พบเป็นลูกช้างป่า อายุ 6-7 ปี เพศผู้ไม่มีงา มีร่องรอยกระสุนปืน และตรวจพบกระสุนลูกซองขนาด 9 จำนวน 4 เม็ด และตายจากสาเหตุน้ำท่วมปอด