เป็นข่าว » รองผู้ว่าฯ เผย จังหวัดส่งเรื่อง ปปง. ‘ติดตามเส้นทางการเงิน’ หลังถูกลูกจ้างสำนักงานจังหวัด ‘ยักยอกเงิน 33 ล้านบาท’

รองผู้ว่าฯ เผย จังหวัดส่งเรื่อง ปปง. ‘ติดตามเส้นทางการเงิน’ หลังถูกลูกจ้างสำนักงานจังหวัด ‘ยักยอกเงิน 33 ล้านบาท’

22 มิถุนายน 2020
989   0

รองผู้ว่าฯ เผย จังหวัดส่งเรื่อง ปปง.ติดตามเส้นทางการเงิน หลังถูกลูกจ้างสำนักงานจังหวัดยักยอกเงิน 33 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หากพบว่ามีข้าราชการหรือบุคคลใดเกี่ยวข้อง สั่งฟันวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

วันที่ 22 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดยักยอกเงิน 33 ล้านบาท ล่าสุด นายภิรมย์  นิลทยา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว  กรณีที่  นางสาวขนิษฐา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พนักงานวิชาการการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ยักยอกเงินงบประมาณราชการจำนวน 33  ล้านบาท  ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562  และภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบความผิดปกติ ต่อมา นายพัลลภ  สิงหเสนี  ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์   มอบอำนาจพร้อมสั่งการให้ นางกัลยารัตน์ นิลอ่อน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน  สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์  และ ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกหมายจับที่ จ. 47/63 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2563  ในข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม  กระทั่งนำมาสู่การจับกุมตัวเมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมานั้น

นายภิรมย์  นิลทยา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  กล่าวว่า จากการสอบถามหัวหน้าสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทราบเส้นทางการยักยอกเงิน  เบื้องต้นพบหลักฐานว่ากระทำความผิดเพียง 1 คน ประกอบกับนางสาวขนิษฐาเองรับสารภาพว่านำเงินที่ได้ไปเล่นการพนันออนไลน์  ทั้งนี้เงินงบประมาณดังกล่าว  เป็นงบประมาณแก้ปัญหาภัยแล้ง เงินที่ตกค้างในบัญชีที่ใช้ทำสัญญาประกันงานกับผู้รับเหมาในหน่วยงานต่าง ๆ  โดยเป็นการโอนเงินผ่านระบบอีเล็กทรอนิกส์    ซึ่งในข้อเท็จจริงยังไม่มีการเบิกจ่ายผ่านเอกสารทางราชการ  ส่วนฉนวนเหตุที่ทำให้เกิดการยักยอกเงินครั้งใหญ่นี้  เพราะความไว้ใจของผู้ร่วมงานในหน่วยงาน   ให้พนักงานราชการระดับผู้ปฏิบัติงานเป็นผู้ทำเรื่องการโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบ็งกิ้ง เบื้องต้นสั่งฟันวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ในส่วนของเส้นทางการเงินนั้น ได้ถูกโอนผ่านชื่อญาตินับสิบบัญชี  ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ประสานการทำงานกับ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เพื่อสืบค้นหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึงการประสานกับสำนักงานปราบปรามและป้องกันการฟอกเงิน หรือ ปปง.  เพื่อมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน  หากพบว่ามีการโยกย้าย โอนถ่ายเงินไปถึงบุคคลใดบ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ประสานขอรายละเอียดการโอนเงินจากธนาคารต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว

ส่วนกรณีการทุจริตยักยอกเงิน 33 ล้านในครั้งนี้ รอดพ้นจากการตรวจสอบของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ไปได้นั้น เนื่องจากเป็นการโอนเงินผ่านระบบอีเล็กทรอนิกส์  ซึ่งยังไม่มีการเบิกจ่ายทางเอกสารจริง นั่นเอง

สำหรับคดียักยอกเงิน 33 ล้านนี้  ปลัดกระทรวงมหาดไทย  ได้เร่งรัดให้ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้โดยเร็วที่สุด  โดยเบื้องต้นในวันนี้  ได้ทำการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง  เบื้องต้นเอาผิดวินัยร้ายแรง  ตลอดจนตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีข้าราชการหรือบุคคลใดเกี่ยวข้องกับคดีนี้บ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนางสาวขนิษฐานั้น ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของสำนักงานจังหวัดปฏิบัติหน้าที่ตามภาระกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน  ต่อมาสอบเข้าเป็นพนักงานราชการ จ้างเป็นเวลา  2  ปี ในตำแหน่ง  พนักงานวิชาการการเงินและบัญชี  ซึ่งนางสาวขนิษฐา เป็นสุภาพเรียบร้อย ใช้วิถีชีวิตปกติ ไม่ได้แต่งตัวหรูหราเกิดควร จนทำให้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตุจากเพื่อนร่วมงาน

Cr.พลไชย ภิรมย์ศรี/ประจวบคีรีขันธ์