สภ.บางสะพานน้อย นำหมายจับเข้าควบคุมตัวลูกจ้างสถานบันการเงินชุมชนตำบลทรายทอง ได้แล้ว สารภาพเอาเงินไปประมาณ 5 ล้านบาท ใช้วิธีทยอยนำเงินออกไปจากสถานบันคราวละไม่พันสองพันบาท ยอดมากที่สุดคือ 5หมื่นบาท นำไปใช้จ่ายส่วนตัวและผ่อนรถยนต์2คัน ตำรวจตั้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง
วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ความคืบหน้าในคดีที่ชาวบ้านตำบลทรายทอง หลายสิบรายเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.สภ.บางสะพานน้อย กรณีไม่สามารถเบิกเงินจากบัญชีเงินฝากของตนเองจากซึ่งฝากไว้กับ สถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทองได้ โดยชาวบ้านได้ทยอยแจ้งความเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง คาดการความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบ้าน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมานั้น
พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.สภ.บางสะพานน้อย เปิดเผยว่า ในคดีนี้ทาง พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 ได้สั่งการให้ทำการตั้งคณะทำงาน โดยให้ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวงผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ แต่งตั้งสืบสวนสอบสวน ภูธรจังหหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงพื้นอำเภอบางสะพานน้อย เพื่อร่วมกับพื้นที่ทำการสืบสวนสอบสวนให้กระบวนการเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเพื่อเร่งรัดคดีให้เกิดความรวดเร็ว เนื่องจากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
โดยหลังจากรับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษสถาบันการเงินตำบลทรายทองเนื่องจากไม่สามารถเบิกเงินที่ได้นั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำชาวบ้านผู้เสียหายไปแล้ว กว่า 20 ปาก กระทั้งช่วงเย็นของวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าจับกุมตัว น.ส.ศิริวรรณ หรือเบียร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ลูกจ้างรับฝากเงิน ของ สถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทอง ได้ที่บ้านพักหมู่ที่ 8 ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยได้ควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำที่ สภ.บางสะพานน้อย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังพอทราบข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลใด ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวและจัดกำลังไปเฝ้าที่บ้านของลูกจ้างคนดังกล่าวทันทีเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกจังหวัด กระทั้งรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขอออกหมายจับได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ในชั้นพนักงานสอบสวน น.ส.ศิริวรรณ ให้การรับสารภาพว่าทำงานเป็นลูกจ้างสถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทองดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี มีหน้าที่รับฝากเบิกถอนเงินจากสมาชิกให้สถาบันฯ
และเป็นผู้นำเงินสดที่เก็บรักษาไว้ในสถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทอง ออกไปใช้จ่าย ทยอยนำเงินออกไปที่น้อย ครั้งละไม่กี่พันบาท โดยเงินก้อนที่เยอะที่สุดที่นำไปคือเงินสด 5 หมื่นบาท โดยเริ่มทำตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2550 ทำเรื่อยมาจนกระทั้งถึงเดือนพฤษภาคม 2563
เพื่อนำไปใช้จ่าย ซื้อสิ่งของ เลี้ยงดูบุตร 2 คน และผ่อนรถยนต์อีก 2 คัน นับรวมเงินที่นำออกไปจากสถาบันฯ ประมาณ 5 ล้านบาท กระทั้งมีการตรวจสอบว่าเงินหายไปดังกล่าว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์นายจ้าง โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งปรับ นำตัวฝากขังที่เรือนจำประจวบคีรีขันธ์ต่อไป
แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า หลังปรากฎเหตุว่า สมาชิกของสถาบันฯไม่สามารถเบิกถอนเงินในบัญชีออกมาได้ หลายครั้งเข้า ทางคณะกรรมการสถาบันฯ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ประชารัฐ กองทุนหมู่บ้าน (ก.ท.บ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าตรวจสอบบัญชีของสถาบันการเงินตำบลทรายหอง กระทั้งพบว่าเงินหายออกไปจากบัญชี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,452,258 บาท โดยใช้วิธีการตกแต่งบัญชี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีบุคคลเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในคดีดังกล่าวหรือไม่ โดยเป็นที่น่าสังเกตุว่า สถาบันการเงินตำบลทรายทอง ไม่มีการตรวจสอบบัญชีประจำปีตามกฎหมายมาก่อน จึงเป็นช่องว่างให้ลูกจ้างรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์ได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเงินฝากที่หายไปนั้น ตามกฎหมายคณะกรรมการของสถาบันการเงินตำบลทรายทองจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระคืนให้กับสมาชิก ซึ่งนำเงินมาฝากให้กับสถาบันฯ ให้ครบทั้งหมด เนื่องจากตามกฎหมายเป็นการฝากเงินกับสถาบันฯ ไม่ใช่การฝากเงินกับตัวบุคคล ส่วนสถาบันการเงินตำบลทรายทอง จะฟ้องร้องคดีทางแพ่งกับลูกจ้างคนดังกล่าว จากเหตุลักทรัพย์นายจ้าง เป็นอีกประเด็นหนึ่ง