อาชญากรรม » สลดซ้ำ! ช้างป่ากุยบุรีถูกชาวบ้านยิงดับ สัตวแพทย์ผ่าเจอกระสุนลูกซอง ขนาด9 รวม7เม็ด จุดสังหารที่ขมับซ้ายทะลุหัวกะโหลกช้าง

สลดซ้ำ! ช้างป่ากุยบุรีถูกชาวบ้านยิงดับ สัตวแพทย์ผ่าเจอกระสุนลูกซอง ขนาด9 รวม7เม็ด จุดสังหารที่ขมับซ้ายทะลุหัวกะโหลกช้าง

28 มิถุนายน 2020
744   0

เกิดเหตุสลด ช้างป่ากุยบุรีถูกยิงดับหน้าโครงการพระราชดำริ ชาวบ้านอ้างจวนตัวต้องป้องกันตัว สัตวแพทย์ผ่าซาก เจอกระสุนลูกซองขนาด 9 จำนวน 7 เม็ด พบจุดสังหารคือที่บริเวณขมับซ้ายทะลุหัวกะโหลกช้างป่า หน.อช.กุยบุรี ระบุเพียงแค่เดือนเดียวตายแบบผิดธรรมชาติแล้ว 4 ตัว แม้ปรับแผนเฝ้าระวังทรัพย์สินชาวบ้านและช้างป่าแล้วแต่ยังเกิดเหตุซ้ำรอย ด้าน ผอ.ทสจ.ประจวบคีรีขันธ์ เผย สับดาห์หน้าติดตามโครงการสร้างทางลำรองแนวเขตอุทยานฯ ระยะทาง24กม.เพื่อให้ จนท.ใช้ลาดตระเวนแก้ไขปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า ในที่ประชุมแก้ไขปัญหาช้างป่าระดับจังหวัด

วันที่ 28 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุสลดอีกครั้ง เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (27มิ.ย.63)เวลาประมาณ 21.20 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เผชิญเหตุขณะช้างป่ากุยบุรี ขนาดใหญ่ ถูกยิงล้มลงตายในร่องน้ำบริเวณป่ายาง ไร่นายประเจียด ปานทอง พิกัด 47P 571811E 1341780N  หมู่ที่ 7 บ้านรวมไทย ต. หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ด้านหน้าโครงการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ติดกับอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

นายรักพงษ์ บุญย่อย หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี  เปิดเผยว่า นายกิตติพัชญ์ เปรมปรี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่ กร.5 (ห้วยลึก) รายงานเหตุช้างป่าตาย เป็นช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 15-20  ปี น้ำหนักประมาณ 1.5-2 ตัน ถูกยิงตายอยู่ภายในร่องน้ำในเขตไร่ของนายประเจียด ปานทอง ซึ่งเป็นเหตุซึ่งหน้า ขณะเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า กำลังผลักดันช้างกลับเข้าป่าไปทางโครงการพระราชดำริฯ กระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด  เจ้าหน้าที่จึงได้รีบติดตามเข้าไปดู  พบผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนลูกซอง ทราบชื่อต่อมาคือ นายณรงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ49 ปี ราษฎรหมู่ที่ 7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนลูกซองยาว เบอร์12 หมายเลขทะเบียน กท2552096 จำนวน 1 กระบอก

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสาน พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ให้ทราบและควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวน เบื้องต้น นายณรงค์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ยิงช้างป่า เนื่องจากเผชิญหน้ากันระหว่างทางที่ช้างป่ากำลังจะกลับเข้าป่าแต่จวนตัวและเกิดล้มลงจึงยิงปืนเข้าใส่ที่ช้างป่าในระยะกระชั้นชิดทำให้ช้างป่าล้มลงในร่องน้ำลึกตายในบริเวณดังกล่าว  ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รายงานให้ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์  ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ทราบแล้ว

โดยความคืบหน้าเช้าวันนี้  นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พันเอกธีรยุทธฑ์ เส้งรอด รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.)จงอางศึก กองกำลังสุรสีห์  , นายไพโรจน์ นาครักษา ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 สาขาเพชรบุรี , นายรักพงษ์ บุญย่อย หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี , นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ , นายอานนท์ พร้อมเพรียง นายอำเภอกุยบุรี , นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนัน ต.หาดขาม , ผู้ใหญ่บ้าน , ทั้งนี้มี พ.ต.อ.ไชยกร  ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.บ้านยางชุม , ร.ต.อ.สมบัติ  สำเรียนรัมย์  รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านยางชุม  , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ และทีมสัตวแพทย์ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี เข้าทำการตรวจสอบ สแกนหาวัตถุโลหะและผ่าซากช้างป่า

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พบวัตถุโลหะบนซากช้างป่า โดยพบร่องรอยถูกยิงเป็นกลุ่มเข้าที่บริเวณขมับซ้าย ใบหูและด้านหลังหู เป็นกลุ่มใหญ่ โดยพบว่าจุดสังหารคือที่บริเวณขมับซ้าย กระสุนทะลุกะโหลกช้างป่า

ซึ่ง สัตวแพทย์หญิงภาวิณี  แก้วแกม สัตวแพทย์สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี และเจ้าหน้าที่สัตวบาล  ได้ผ่าซากช้างป่า พบกระสุนลูกซองขนาด 9 จำนวน 7 เม็ด รวมทั้งเม็ดที่ทะลุหัวกะโหลกช้างป่าด้วย หลังตรวจพิสูจน์หลักฐานและผ่าพิสูจน์ซากแล้ว ได้ทำการฝังซากช้างป่าในบริเวณดังกล่าวโดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางวิชาการเพื่อป้องกันเชื้อโรคด้วย

ทางด้าน พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.บ้านยางชุม  ระบุว่า หลังรับแจ้งเหตุตั้งแต่ค่ำวานนี้ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สวัสดิ์  สีนาก รอง ผกก.สส.สภ.บ้านยางชุม , พ.ต.ท.สมศักดิ ตะโกพร รอง ผกก.สอบสวนฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมตัว นายณรงค์ พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองยาว

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน  มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรฯ และล่าสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์ป่าสงวนฯ โดยได้รายงานให้ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบแล้ว

ทางด้านนายรักพงษ์ บุญย่อย หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวยอมรับว่า ในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา พบช้างป่ากุยบุรี ตายแบบผิดธรรมชาติ จำนวน 4 ตัวแล้ว ทั้งถูกไฟฟ้าช็อต , ป่วย และถูกยิง นั้น ส่วนตัวรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นและตัวนี้เป็นตัวที่4แล้ว  ซึ่งก่อนหน้านี้ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้มีการปรับแผนการเฝ้าระวัง การดูแลทรัพย์สินของราษฎร ตลอดจนป้องกันภัยที่จะเกิดกับช้างป่าด้วย ได้ดำเนินการมาโดยตลอด

โดยประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร ได้ทำงานร่วมกัน เพื่อหาสาเหตุบรรเทาความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้น ทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ซึ่งดูว่าการทำงานเริ่มส่งผลดี แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายซ้ำรอยมีช้างป่าถูกยิงตายเป็นตัวที่4อีกจนได้ ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ทั้งนี้ปริมาณสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีนั้น สำหรับช้างป่า มีมากกว่า 300 ตัว ส่วนกระทิงนั้นนับได้กว่า 400 ตัวแล้ว

นายนิทัศน์  จันทร์ทอง  ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ทสจ.) เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาช้างป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีนั้น สับดาห์หน้าตนจะเร่งติดตามเรื่องในที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาช้างป่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อติดตามเรื่องการสร้างทางลำรองสำหรับลาดตระเวนเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า ตามแนวเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร

นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนัน ต.หาดขาม กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ตนรู้สึกแปลกใจและเสียใจว่าเหตุใดถึงได้มีการทำร้ายช้างป่า ใกล้กับโครงการพระราชดำริฯ ซึ่งช้างป่าตัวนี้เป็นช้างป่าขนาดใหญ่แล้ว ตนไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่พอรู้ว่าผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวมีปัญหาผูกกันหลายเรื่อง ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีช้างป่า ซึ่งอาจจะได้หลายคดีก่อนหน้านี้ด้วย

ส่วนตัวมองว่าแนวทางแก้ไขปัญหาจากนี้ทางชาวบ้านได้เคยเสนอเรื่องการสร้างทางลำรองสำหรับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังลาดตระเวน ซึ่งเสนอไปหลายปีแล้วแต่ยังไม่ได้ มีข่าวว่าผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯจะให้แต่ยังเงียบอยู่คงต้องติดตามสอบถามเพิ่มเติมต่อไป