อาชญากรรม » เมียสารภาพจัดฉากอุบัติเหตุที่ชะอำ ‘อำพรางศพสามี’ หลังร่วมกับสามีเก่ากระหน่ำตีจนเสียชีวิต

เมียสารภาพจัดฉากอุบัติเหตุที่ชะอำ ‘อำพรางศพสามี’ หลังร่วมกับสามีเก่ากระหน่ำตีจนเสียชีวิต

15 กรกฎาคม 2020
1916   0

คดีพลิก! จากอุบัติเหตุเป็นคดีฆาตกรรมอำพรางศพ เมียสารภาพ ร่วมกับสามีเก่า ตีสามีที่อยู่กินจนมีลูกด้วยกันจนแน่นิ่งที่บ้านเช่าใน ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนอำพรางศพด้วยการขนขึ้นรถกระบะไปทำทีว่าเกิดอุบัติเหตุชนต้นไม้ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อ้างเพราะสามีจะใช้มีดแทงก่อน ด้านญาติผู้เสียชีวิตเผยเห็นสภาพศพวันแรก รู้ทันทีว่าไม่ใช่อุบัติเหตุและไม่เชื่อว่าลงมือทำร้ายเพียงคนเดียว

วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพบศพ นายพิธยุทธ  โพธิ์ภักดี  อายุ 42 ปี  เสียชีวิตอยู่บนรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บพ8390 ตกลงไปข้างทางชนกับต้นไม้  ริมถนนสายบายพาสชะอำ – ปราณบุรี ขาร่องใต้ กม.19 ต.สามพะยา อ.ชะอำ  จ.เพชรบุรี  เมื่อเวลา 05.45 น.ของวันที่ 13 กรกฏาคม 2563 โดยที่รถยนต์กระบะมีรอยชนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่สภาพศพที่พบ ใบหน้าบวมบูด ลักษณะคล้ายถูกของแข็งทุบที่บริเวณใบหน้า แขนเขียวคล่ำ เหมือนถูกบีบ  ซึ่งจากสภาพศพไม่เเหมือนอุบัติเหตุนั้น ต่อมาญาติผู้เสียชีวิตได้ร้องขอความเป็นธรรมว่า สภาพรถยนต์ในที่เกิดเหตุชนกับต้นไม้เพียงเล็กน้อย แต่กลับมีบาดแผลที่ใบหน้าหลายจุด เลือดท่วมใบหน้า นอกจากนี้ยังมีรอยเลือดข้างประตูคนขับด้านล่างเป็นทางยาว คล้ายการลากศพขึ้นไปจัดฉากบนรถนั้น

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่14 กรกฎาคม 2563 ปรากฎว่า นางสุมาริน หรือปุ๋ย  (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยา  ของนายพิธยุทธฯ  ได้เดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.ชะอำ  และรับสารภาพว่า ตนเองได้ทะเลาะกับนายพิธยุทธฯ  และได้ใช้ไม้ตีสามี จากนั้นสามีได้ขับรถ  ออกจากบ้านเช่าไป แต่ไม่ทราบว่าสามีไปที่ไหน กระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถตกลงข้างทางดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีข้อมูลหลายอย่างขัดแย้งกัน จึงได้ประสานกับ สภ.บ้านหนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อโอนคดีและส่งตัวผู้ต้องหา พร้อมสำนวนการสอบสวนให้ สภ.บ้านหนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ

โดยความคืบหน้า ล่าสุดวันนี้  ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านหนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครอบครัวของนายพิธยุทธผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดนางสุมาริน  และติดตามความคืบหน้าของคดี หลังทราบว่ามีการนำตัว นางสุมาริน ผู้ต้องหา มาสอบปากคำเพิ่มเติม

ขณะที่ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล รอง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ เดชชีวะ. ผกก.สภ.บ้านหนองพลับ และ พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย. ผกก.สภ.ชะอำ พร้อมทีมสอบสวนได้ร่วมกันสอบปากคำ นางสุมาริน เพิ่มเติม กระทั่งยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม  ได้โทรศัพท์ ชวนนายปฎิกรณ์ (ขอสงวนนามสกุล)  หรือนายปอง สามีเก่า ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน ต่อมานายพิธยุทธฯ สามีได้เดินทางไปพบ  จึงเกิดปากเสียงทะเลาะและได้ทำร้ายตนที่ร้านอาหารดังกล่าวครั้งหนึ่ง

เมื่อกับมาถึงบ้านพักกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 13 กรกฎาคม ตนทะเลาะกับนายพิธยุทธอีกครั้ง โดยนายพิธยุทธคว้าอาวุธมีดที่อยู่ในบ้านจะแทง แต่ไม่โดน  นายปองซึ่งติดตามมาดูเหตุการณ์เพราะกลัวว่าตนจะถูกทำร้ายได้เข้ามาช่วย ก่อนที่ตนเองและนายปอง จะร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยใช้ด้ามไม้กวาดกระหน่ำตี นายพิธยุทธ จนแน่นิ่งและหมดสติไป  ด้วยความกลัวจึงหาทางทำลายหลักฐานอำพรางศพ จึงช่วยกันยกร่างของนายพิธยุทธขึ้นรถยนต์กระบะ ขับไปยังยูเทิร์น กม.19 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี  ก่อนจะจัดฉากให้คล้ายรถยนต์กระบะคันดังกล่าวประสบอุบัติเหตุชนกับต้นไม้ข้างทาง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหา ทั้ง 2 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเช่า ในตำบลหนองพลับ ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่

พ.ต.อ.วรเดช  สวนคล้าย ผกก.สภ.ชะอำ กล่าวว่า จากการรับสารภาพของ นางสุมาริน ทำให้ทราบเหตุจูงใจ เพราะเกิดการทะเลาะมีปากเสียงกันกับผู้ตายอย่างรุนแรง ก่อนจะช่วยกันยกศพขึ้นรถไปจัดฉากอำพรางคดี เบื้องต้นมีหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ ส่วนบุคคลอื่นตั้งแต่เริ่มต้นจุดที่กินอาหารร่วมกันหลายรายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำเพื่อหาความเชื่อมโยงทั้งหมด ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ด้านนายเสวียน โพธิ์ภักดี อายุ 64 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกเคยโทรศัพท์มาปรับทุกข์ให้ฟังเรื่องจับได้ว่าเมียปันใจให้ชายอื่น ตนเองสงสารลูก บอกไปว่าถ้าอยู่ไม่ได้ให้กลับมาอยู่บ้านที่สุพรรณบุรี แต่ลูกก็ไม่กลับบ้านเพราะลูกชายเป็นคนรักลูกรักเมีย พอรู้ข่าวลูกชายเกิดอุบัติเหตุ ตนรู้สึกถึงความผิดปกติทันที เชื่อว่าไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไปแน่ๆ ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากเพราะลูกถูกทำร้ายจนตาย เบื้องต้นจะนำศพลูกชายเอากลับไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดทับกระดาน จ.สุพรรณบุรี

ส่วน น.ส.วนาลี สิงห์อุดม  อายุ 33 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ครั้งแรกที่ทราบข่าวพี่ชายเกิดอุบัติเหตุ ยอมรับว่าไม่เอะใจอะไร เนื่องจากพี่ชายไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร จึงไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย แต่พอมาเห็นสภาพศพกับรูปรถในที่เกิดเหตุ เกิดข้อสงสัยว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะสภาพใบหน้าถูกทุบเละเทะจนจำแทบไม่ได้ ที่มือขวารอยเขียวคล้ำมีรอยเล็บรอยข่วน ซึ่งขัดกับสภาพรถ ซึ่งปกติพี่ชายเป้นคนรักรถ รักษาความสะอาด ดูแลรถเป็นอย่างดี วันนี้แม้ผู้ต้องหาจะออกมามอบตัวกับตำรวจแล้ว แต่ทางญาติก็ยังคาใจ ว่าไม่น่าจะก่อเหตุเพียงคนเดียว ประกอบกับพี่ชายเป็นคนแข็งแรง สภาพบาดแผลที่เกิดจากด้านหน้า ชี้ให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นการลอบทำร้ายจากด้านหลัง ลำพังผู้หญิงคนเดียวคงไม่สามารถลงมือก่อเหตุได้ขนาดนั้น ญาติอยากให้จับผู้ก่อเหตุให้ได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ตั้งกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 2 คนว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย และซ่อนเร้นอำพรางศพ ทั้งนี้ได้เก็บ DNA.ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปตรวจสอบกับ DNA.ในรถยนต์ที่ปรากฎบนรถว่า ตรงกันหรือไม่ หรือมีบุคคลใดอยู่ในรถคันดังกล่าวบ้าง เพื่อตรวจสอบคำให้การของผู้ต้องหาว่าถูกต้องตามหลักฐานหรือไม่