เฟซบุ๊ก ‘น้องนัทสาวป่วยทางสมอง’ ถูกแฮกบัญชีไปเปิด ‘บ้านแชร์ออนไลน์’ ครอบครัวสุดงง ล่าสุดแจ้งความแล้ว เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโอนเงิน พบมีคนตกเป็นเหยื่อโอนเงินแล้วหลายราย ขณะที่บ้านจากแรงศรัทธาและเงินบริจาคของประชาชนชาว อ.บางสะพาน และกลุ่มเพื่อนจิตอาสาสันดานเดี่ยว ก็สามารถสร้างจนแล้วเสร็จ ในเวลา 7 วัน สามารถให้แม่ตุ่นกับน้องนัทเข้าอยู่อาศัยได้แล้ว
วันที่ 21 สิงหาคม2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุแฮกบัญชีเฟซบุ๊กสาวบางสะพาน นำไปแอบอ้างเปิดกลุ่มลับบ้านแชร์ออนไลน์ และหลอกให้โอนเงิน เบื้องต้นมีคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อแล้วหลายราย จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ สภ.บางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อไปถึงพบกับ แม่ตุ่นและน้องนัท สาววัย 18 ปี ชาวบ้าน ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน กำลังแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.ต.วีระพงษ์ อินวรรณา ร้อยเวร สภ.บางสะพาน โดยมี “กลุ่มจิตอาสาสันดานเดี่ยว” อ.บางสะพาน ร่วมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
แม่ตุ่น เล่าว่า น้องนัท บุตรสาว ประสบอุบัติเหตุตกจากท้ายรถจักรยานยนต์ ขณะกลับจากเรียนที่วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน ศีรษะฟาดกับถนน เมื่อ 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องผ่าตัดสมองถึง 3 ครั้ง แม้จะช่วยชีวิตน้องนัทได้ และน้องนัทกลับมาไม่เหมือนเดิม เดินได้ไม่ดีนัก แขนซ้ายไม่มีแรง ลำดับความคิดสับสน คุยรู้เรื่องเป็นบางครั้ง และย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ทำให้กลายเป็นผู้พิการทางสมองไป
ส่วนเฟซบุ๊กที่ถูกคนไม่หวังดีแฮกไปนั้น เป็นบัญชีน้องนัทที่เปิดไว้ตั้งแต่ยังไม่ประสบอุบัติเหตุ เพิ่งมารู้ว่าถูกแฮกเมื่อ1-2วันมานี้ แม่กังวลใจว่าคนร้ายจะเอาไปก่อเหตุร้าย หรือไปหลอกลวงใคร กลัวว่าน้องนัทจะได้รับโทษไปด้วย วันนี้เลยมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ทางด้านนางมยุรฉัตร บุญเสงี่ยม หรือ พี่เก๋ กลุ่มจิตอาสาสันดานเดี่ยว กล่าวด้วยว่า ตนและกลุ่มเพื่อนใน อ.บางสะพาน ได้มีโอกาสไปเห็นสภาพบ้านของแม่ตุ่นและน้องนัทซึ่งมีฐานะยากจนเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งผุผังเกือบทั้งหลัง ปลูกอยู่ในที่ดินเช่าปีละ 2พันบาท อยู่กันสองคนแม่ลูกซึ่งน้องนัทช่วยเหลือตัวเองได้บ้างไม่ได้บ้าง ด้วยความเป็นห่วงว่าบ้านจะพังลงมาเป็นอันตราย จึงอยากจะช่วยซ่อมแซมครัวกับห้องน้ำให้ในเบื้องต้น
ตนจึงโพสต์เรื่องราวของแม่ตุ่นและน้องนัทลงเฟซบุ๊กปรากฎว่าเพื่อนๆและชาวบ้านในอำเภอบางสะพาน ร่วมสมทบทุนทำบุญสร้างบ้านจนกระทั่งได้เงินบริจาคจำนวน 6 หมื่นบาท จึงปลูกให้ใหม่ทั้งหลัง และมีพ่อค้าแม่ค้าในอำเภอบางสะพานที่ใจบุญอีกหลายราย ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์การก่อสร้างบางรายการ ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆมาด้วย
ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าวัสดุในการสร้างบ้านทั้งหมด ไม่มีค่าแรงช่างซึ่งมีเพื่อนๆกลุ่มจิตอาสาสันดานเดี่ยวมาช่วยกันปลูกใช้เวลา 7 วัน ขณะที่บ้านจากแรงศรัทธาและเงินบริจาคของประชาชนชาว อ.บางสะพาน และกลุ่มเพื่อนจิตอาสาสันดานเดี่ยว ก็สามารถสร้างจนแล้วเสร็จ สามารถให้แม่ตุ่นกับน้องนัทเข้าอยู่อาศัยได้แล้ว ท่ามความสุขใจของผู้ให้ทุกคน
ซึ่งขณะยังซ่อมบ้านให้อยู่ น้องนัทซึ่งพอรู้เรื่องอยู่บ้าง ได้นำโทรศัพท์มาให้ดูว่าเฟซบุ๊กชื่อ “น้องนัท ซิกกาแล็ตซ์” เข้าใช้งานไม่ได้ ซึ่งบัญชีดังกล่าวน้องนัทเปิดไว้นานหลายปีก่อนจะประสบอุบัติเหตุ รูปโปร์ไฟล์เป็นรูปสมัยเรียนซึ่งน้องนัทหน้าตาสวย ผมยาว สวมเสื้อสีดำ ปัจจุบันน้องนัทเล่นเฟซบุ๊กดังกล่าวในลักษณะการแชร์ความทรงจำเท่านั้น
เมื่อตนตรวจสอบจึงพบว่าบัญชีถูกแฮก ตนจึงได้นำข้อมูลไปโพสต์ลงกลุ่มออนไลน์ต่างๆ เพื่อแจ้งว่าบัญชีน้องถูกแฮก หากมีการติดต่อในลักษณะยืมเงินหรือเรื่องอะไรไม่ใช่น้องนัท เพราะน้องนัททำไมได้
กระทั่งมีบุคคลหวังดี จาก จ.สมุทรปราการ และเป็นผู้เสียหายสูญเงินไปกว่า 3 พันบาท จากการเข้าร่วมบ้านแชร์ ได้อินบล๊อคเข้ามาแจ้งข้อมูลว่าบัญชีของน้องนัทดังกล่าวถูกคนร้ายนำไปตั้งเป็นกลุ่มแชร์ออนไลน์แล้ว เนื่องจากชื่อบัญชีและรูปโปร์ไฟท์ตรงกันกับที่โพสต์เตือนภัย โดยถูกนำไปตั้งชื่อ “บ้านออมน้องนัดพารวย”
โดยมีบุคคลประมาณ 2-3 คนที่เกี่ยวข้องในการชักชวนเข้ากลุ่มบ้านแชร์ออนไลน์ ได้แก่ บัญชีชื่อ “โลกของฉัน โลกของเธอ” ระบุว่าอยู่ เทศบาลเมืองชลบุรี และ บัญชีที่สองชื่อว่า “วนัสนัน ท์” ทั้งสองบัญชีลักษณะเป็นผู้ชักชวนคนให้เข้าร่วมกลุ่มแชร์ เป็นเลขาบ้าน ร่วมกับบัญชีของน้องนัทที่ถูกแฮกไปแล้ว โดยนำบัญชีโอนเงิน ระบุชื่อบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 4210688969 ชื่อบัญชี นางสาวเพชรชฎาภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) ที่อยู่ตามบัตรประชาชน อ.เชียงของ จ.เชียงราย มาโพสต์ในกลุ่มแชร์
ทั้งนี้ทางครอบครัวน้องนัทได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ซึ่งบัญชีที่รับโอนไม่ใช่บัญชีของน้องนัท แต่รูปและบัญชีเป็นของน้องนัทที่เพิ่งถูกแฮกไปอย่างแน่นอน จึงฝากเตือนภัยไปยังประชาชน อย่าหลงเชื่อร่วมลงเล่นแชร์ออนไลน์จะเสียเงินฟรี ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายหลายรายแล้ว โดยขณะนี้พอจะรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นบุคคลใดแล้ว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้คำแนะนำว่า ผู้เสียหายที่หลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ให้แจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจตามภูมิลำเนาและสามารถประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมมาที่ สภ.บางสะพานได้ ซึ่งหลังจากนี้แนวทางการสอบสวนคือการตรวจสอบเลขที่บัญชีธนาคารว่าเปิดที่สาขาใด จังหวัดใด กันแน่ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบว่า ทั้ง 3 บัญชีเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง จะรู้เห็นตั้งแต่แรกหรือถูกหลอกเช่นเดียวกันต้องรอสอบสวนเพิ่มเติม และติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
[foogallery id=”9405″]