ชาวไทยเชื้อสายจีน ในโรงเจล่งเค่งฮุกตึ๊ง กำลังเร่งมือผลิต ขนม อั่งท้อก๊วย ขนมโบราณที่หาทานได้ยากของชาวไทยเชื้อสายจีนที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อนำไปร่วมงานประเพณีทิ้งกระจาดเพื่อไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ
วันที่ 11 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเจล่งเค่งฮุกตึ๊ง ถ.ราเมศวร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นโรงเจเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.พิษณุโลก ก่อตั้งมานานกว่า 60 ปี ในวันนี้ชาวไทยเชื้อสายจีนในชุมชนรอบโรงเจ กำลังเร่งมือผลิต ขนมมงคลไหว้เทพเจ้า อย่างขนม อั่งท้อก๊วย หรือที่ชาวไทยมักเรียกกันว่า ขนมกุ้ยช่ายสีชมพู ที่ชาวจีนนิยมนำมาเซ่นไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ ที่เชื่อว่าไหว้แล้วจะทำให้กิจการรุ่งเรืองค้าขายดี สุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว
โดยที่โรงเจแห่งนี้มีกำหนดจัดประเพณีทิ้งกระจาด ไหว้เทพเจ้า ไหว้บรรพบุรุษในวันพรุ่งนี้หรือที่เรียกว่าเทศกาลเดือน 7 ซึ่งแล้วแต่ละโรงเจว่าจะไหว้ในวันไหน ซึ่งในปีนี้มีกำหนดระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2563
สำหรับ “อั่งท้อก๊วย” เป็นขนมมงคลโบราณของชาวไทยเชื้อสายจีนชนิดหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมมากในการไหว้เทพเจ้า บรรพบุรุษ ในบางพื้นที่อาจเรียก “อั่งก๋วยท้อ” หรือ “ถ่อก้วย” ซึ่งถือว่าเป็นขนมชนิดเดียวกัน
นางสุนิสา แซ่ล้อ อายุ 66 ปี ชาวไทยเชื้อสายจีนที่อยู่นะระแวกโรงเจแห่งนี้ ได้บอกว่าขนมชนิดนี้จะเรียกว่าเป็นขนมที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาขนมมงคลก็ว่าได้ ด้วยความที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ทั้งรูปทรง รสชาติ สีสัน ความหมายและวัตถุดิบที่หาง่าย
จนกล่าวได้ว่าขนมชนิดนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของความเป็นขนมมงคล และความที่เป็นขนมยอดนิยมที่ถูกคัดเลือกมาขึ้นโต๊ะไหว้เจ้าและบรรพบุรุษเกือบทุกเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ ทำให้ชาวไทยเชื้อสายจีนต่างให้ความนิยมนำมาใช้เซ่นไหว้บูชาเทพเจ้า และเซ่นไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลสำคัญต่างๆของชาวไทยเชื้อสายจีน
สำหรับสูตรของตนเป็นสูตรเก่าแก่ของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา และนำมาประยุกต์ให้เข้ากับสมัยใหม่ โดยจะมี 3 ไส้ คือ ไส้ข้าวเหนียว ไส้ถั่ว ไส้เผือก ซึ่งทั้ง 3 ไส้นั้น ต่างได้รับความนิยม ทั้งชาวไทยเชื้อสายจีน หรือแม้แต่ชาวไทยแท้เอง ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธีไหว้ก็จะแจกจ่ายให้กับชาวไทยเชื้อสายจีนได้นำไปทานในครอบครัวเพื่อความเป็นสิริมงคล หากเหลืออีกก็จะนำไปมอบให้กับผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์วังทองได้ทานกันถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทางโรงเจของเราสืบทอดกันมา
ผู้สูงอายุเชื้อสายจีน ในพิษณุโลก บอกว่า ขนมอั้งท้อก๊วย เป็นขนมมงคล ที่มีมานาน หลายชั่วอายุคน ตนเองเกิดมาก็เห็นรุ่นพ่อและแม่แล้ว ซึ่งที่จังหวัดพิษณุโลกค่อนข้างหาคนทำยาก และถ้าจะทำก็จะเป็นงานประเพณีจีนเท่านั้น อยากให้เยาวชนมาสืบสวนการทำขนมอั่งท้อก๊วย ซึ่งเป็นขนมมงคลสืบต่อไป
ด้านนางสุนิสา แซ่ล้อ บอกต่ออีกว่า วิธีการทำก็ไม่ค่อยยุ่งยากมานัก เริ่มจาก นำแป้งข้าวเจ้ามาผสมกับแป้งข้าวเหนียว ตั้งน้ำร้อนนำไปกวนในกระทะ แล้วนำมานวด ใส่สีชมพูอ่อนๆลงไป โรยแป้งมันขณะนวดจนเนื้อเนียน นุ่ม แล้วพักไว้
จากนั้นก็ไปทำไส้ ซึ่งโรงเจทำ 3 ไส้ เริ่มจากไส้ข้าวเหนียว ก็จะนำข้าวเหนียวนึ่งสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไท ขึ้นฉ่าย ถั่วลิสง ส่วนไส้ถั่วก็จะใช้ถั่วทองนึ่งสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไท ขึ้นฉ่าย และส่วนไส้เผือกก็จะใช้เผือกมาขูดเป็นเส้น ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยและขึ้นฉ่าย จากนั้นก็จะนำแป้งที่พักไว้มาปั้นห่อด้วยไส้ต่างๆ และนำไปกดในแม่พิมพ์และนำไปนึ่งจนสุก
ขนมอั่งท้อก๊วย ถือเป็นขนมมงคลและขาดไม่ได้ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน นำไปขึ้นโต๊ะไหว้เจ้าตามประเพณีสำคัญต่างๆ เนื่องจากเชื่อว่าเมื่อนำขนมไปไหว้เจ้าแล้ว กิจการร้านค้าจะเจริญรุ่งเรือง
เมื่อไหว้เสร็จแล้วชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมนำไปทอดให้กรอบ จิ้มกับน้ำซอสดำที่ปรุงโดยเฉพาะสูตรของชาวไทยเชื้อสายจีน นับเป็นขนมมงคล ที่ทานแล้วจะสุขภาพดีไม่เจ็บป่วย มีอายุยืนยาวอีกด้วย
ขนมชนิดนี้ปัจจุบันใน จ.พิษณุโลก หาทานยาก เพราะจะเหลือเพียง 4 ที่เท่านั้นที่ยังทำแบบโบราณอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะทำเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
Cr.ข่าว/ภาพ ธเนส อนุดิษฐ จ.พิษณุโลก