ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศาลาขุนแผน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการจัดปล่อยขบวนแห่หมรับ(หม่ำ) วันสาร์ทเดือนสิบ ในช่วงแรกเป็นการแสดงมโนราห์ คณะครูแก้ว จากจังหวัดพัทลุง จากนั้นได้เข้าสู่พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
โดยมีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธี และนายธวัชชัย กฤตรัชตนันต์ ประธานจัดวันสาร์ทเดือนสิบ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ พร้อมด้วย นาย เสนอ ชูจันทร์ นายกสมาคมชาวใต้จังหวัดกาญจนบุรี รองนายกสมาคม คณะกรรมการ เหล่าสมาชิก พี่น้องประชาชน และแขกผู้มีเกียรติร่วมพิธีในครั้งนี้
สำหรับ การแห่หมรับ(หม่ำ)หรือสำรับอาหารที่ประกอบด้วยนมต้ม ขนมลา ขนมบ้า ขนมเจาะหู ขนมข้าวพอง และขนมเทียน รวมทั้งอาหารคาว ดอกไม้ธูปเทียน ไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่วัดเทวสังฆาราม
โดยขบวนได้มีการแห่ไปตามถนนแสงชูโตเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การจัดพิธีในการทำบุญพร้อมทั้งยังเชิญชวนให้ประชาชนที่อยู่สองข้างทางได้ร่วมทำบุญด้วย หลังจากที่ขบวนได้แห่มาถึงวัดเทวสังฆารามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายกสมาคมเป็นประธานในพิธีได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยเพื่อประกอบพิธีสงฆ์ ณ.ศาลาการเปรียญ
โดยมี พระมหาวิสุทธิ์ วิสุทธิปัญโญ รองเจ้าคณะจังหวัด ประธานฝ่ายสงฆ์ได้นำพระสงฆ์ได้สวดเจริญพระพุทธมนต์และสวดมาติกา-บังสุกุลเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้บรรพบุรุษ ญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นผู้ที่เข้าร่วมพิธีทำบุญได้นำขนมอีกส่วนหนึ่งไปวางไว้ ที่นอกบริเวณศาลาเพื่อตั้งเปรตซึ่งเป็นความเชื่อของพี่น้องชาวใต้ว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศล ให้เป็นสาธารณะทาน แก่ผู้ล่วงลับที่ไม่มีญาติหรือญาติไม่ได้มาร่วมทำบุญ
สำหรับประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีที่ดีงามที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งเป็นความเชื่อว่า ประเพณีนี้ เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลส่งให้บรรพบุรุษ ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว และซึ่งลูกหลานยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีการยึดถือปฏิบัติ สำหรับพี่น้องชาวใต้ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่ไม่ได้กลับภูมิลำเนาบ้านเกิด จึงได้รวมตัวกันจัดงานประเพณีสารทเดือนสิบขึ้นที่นี่
โดยได้จัดติดต่อกันเป็นยะระเวลา 5 ปี โดยได้มีกิจกรรมที่สำคัญ คือการเดินขบวนแห่หมรับ(หม่ำ) การมอบข้าวสารให้กับชุมชนในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี การทำบุญเลี้ยงพระ การทอดผ้าป่าสามัคคี และการชิงเปรต
ทั้งนี้เพื่อรักษาประเพณีอันดีงามดั้งเดิมของพี่น้องชาวใต้ และเป็นการเผยแพร่ประเพณีดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี และพี่น้องต่างถิ่นอีกด้วย
Cr.ข่าว/ภาพ ทีมข่าวเมืองกาญจน์