อุบัติเหตุสลด รถเก๋งเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ไฟลุกท่วมห้องเครื่อง พลเมืองดีขับรถผ่านช่วยกันดับไฟไม่ให้ลามทั้งคัน พบไฟคลอกผู้โดยสารเสียชีวิตติดคารถ 2 ราย ตรวจประวัติรถ พบเจ้าของเป็นนายทหาร ยศนาวาอากาศโท
วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ร.ต.ท.ประกาศิต แป้นเพชร์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หัวหิน รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล ชนต้นไม้ริมถนนทางหลวงหมายเลข 37 บายพาสปราณบุรี-ชะอำ กม.32+825 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตติดคาซากรถ
จึงรายงาน พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน ทราบ จากนั้นประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลหัวหิน มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน มูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน และหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ร่วมลงพื้นที่ พร้อมเคลียร์เส้นทางการจราจรเนื่องจากมีปริมาณรถสะสมมาก เกรงจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
โดยที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน กน 6046 ประจวบคีรีขันธ์ ชนอัดกับต้นไม้ข้างถนน สภาพพังยับเยิน เครื่องยนต์อัดติดเข้ามาภายในห้องโดยสาร มีไฟลุกไหม้ห้องเครื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้มีพลเมืองดี ที่ขับรถผ่านมาได้พยายามช่วยกันดับไฟที่ลุกไหม้ เพื่อไม่ให้ลุกลามทั้งคันและพยายามจะช่วยผู้โดยสารภายในรถออกมา แต่ไม่สามารถดึงออกมาจากรถได้
กระทั่งทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุและดับไฟต่อจนดับสนิท พบผู้เสียชีวิตในรถ 2 ราย โดยคนขับเป็นชาย ถูกไฟคลอกเกือบทั้งร่าง สภาพร่างแข็ง ส่วนด้านซ้ายพบหญิงสาวติดในรถ สภาพถูกไฟไหม้ร่างบางส่วน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ขาทั้ง 2 ข้าง โดยไม่สามารถนำออกจากรถได้เนื่องจากเครื่องยนต์อัดติดร่างไว้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างตัดซากรถ จึงสามารถนำออกจากรถได้สำเร็จ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาลหัวหินได้ตรวจพิสูจน์เบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรนักศึกษา ของนางสาวเบญญาภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาว อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ส่วนคนขับรถไม่พบเอกสารทางราชการ เมื่อตรวจสอบประวัติรถพบว่า เพิ่งจดทะเบียน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา มีนายทหารยศ นาวาอากาศโท เป็นเจ้าของ นอกจากนั้นในที่เกิดเหตุพบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง ซึ่งทั้งหมดได้รับความเสียหาย กุญแจรถและอื่น ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดต่อญาตที่ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยเร็วที่สุด
ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวน เนื่องจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นเส้นทางตรง ถนนอยู่ในสภาพดี ไม่พบรถยนต์คู่กรณี มีเพียงรอยล้อที่ครูดดินจากการตกขอบถนนเป็นทางยาวก่อนถึงจุดเกิดเหตุเท่านั้น และมีรายงานว่า ตรงบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุรถชนบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มีผู้เสียชีวิต