วันที่ 12กุมภาพันธ์2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจปราณบุรี ได้โพสต์ภาพ ยายขายกล้วยทอดที่สี่แยกปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โชคร้ายถูกวัยรุ่นหลอกนำแบงค์กาโม่ชนิดละ 100 บาท มาซื้อกล้วยทอดแถมเชิดเงินทอนไปอีก 80 บาท บิดรถจักรยานยนต์หนีหายลอยนวล โดยโพสต์ดังกล่าว มีเพื่อนสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นไม่พอใจต่อการกระทำของวัยรุ่นคนดังกล่าวและมีการส่งต่อโพสต์กันเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่า ร้านกล้วยทอดดังกล่าวชื่อร้าน “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด” มีนางสมจิต พัดไธสง อายุ 62 ปี เป็นเจ้าของร้าน จอดรถขายอยู่บริเวณหอนาฬิกาสี่แยกปราณบุรี มานานเกือบ10 ปี ซึ่งเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจชุมชนเขาน้อย และสำนักงาน กต.ตร.ปราณบุรี อีกด้วย โดยบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ 4 ตัว
ซึ่งบรรยากาศที่ร้านเช้านี้ ปรากฎว่า มีลูกค้าเจ้าประจำและเจ้าใหม่ แวะเวียนมาซื้อกล้วยทอดของยายสมจิต หรือป้าสมจิตกันไม่ขาดสาย ลูกค้าบางรายรู้ข่าวว่ายายสมจิตถูกวัยรุ่นนำแบงค์กาโม่มาหลอกซื้อกล้วยทอด ก็เป็นห่วงแวะมาถามไถ่และซื้อกล้วยทอดกลับไป เพื่อเป็นกำลังใจให้กับยายด้วย
ยายสมจิต เล่าว่า เมื่อวานนี้ (11กพ.2563) เวลาประมาณ 12.20 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ยายเตรียมจะเก็บของกลับ เหลือขายกล้วยทอดกระทะสุดท้ายที่ทอดใกล้สุก ตอนนั้นลูกค้าแทบไม่มีแล้ว กระทั่งมีลูกค้า เป็นชายวัยรุ่น สวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีเข้ม สวมหมวกแก๊ป อายุประมาณ 25-35 ปี ผิวขาว รูปร่างไม่อ้วนไม่ผอม ขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ยี่ห้อ ยามาฮ่าฟีโน่ สีเทาๆขาวๆ มาจอดติดหน้าร้าน ยอมรับว่ายายไม่ได้สังเกตุอะไรมากเพราะรีบขายของจะได้รีบเก็บร้าน แต่พอดีคนขายของที่อยู่ร้านตรงข้ามเห็นและจำรถได้
โดยชายวัยรุ่นคนดังกล่าว บอกกับยายว่า ขอซื้อกล้วยทอด20บาท ในมือกำแบงค์สีแดงไว้มองแทบไม่เห็น ยายคิดว่าแบงค์100บาท ชายคนดังกล่าวได้บอกให้ยายทอดเงิน ขณะที่กำลังตักกล้วยทอดใส่ถุง ลักษณะเหมือนกับเร่งยายให้ทอดเงินเร็วๆ ตอนนั้นยายได้ยังบอกว่า ยังไม่ได้เงินเลย และเมื่อส่งกล้วยทอดพร้อมเงินทอดให้ ยายก็รีบคลี่แบงค์ดูทันที จึงเห็นว่าเป็นแบงค์กาโม่ หรือ แบงค์ปลอม ได้รีบตะโกนบอกชายวัยรุ่นคนดังกล่าวว่า เอาเงินมาให้ก่อน นี่แบงค์ปลอม เอาแบงค์ปลอมมาซื้อกล้วยยายทำไม
แต่นาทีนั้นชายคนดังกล่าวไม่ฟังเสียงกลับรีบบิดรถจักรยานยนต์หนีหายไปทางบ้านปลายน้ำอย่างรวดเร็ว ยายวิ่งตามแล้วแต่ไม่ทัน ช่วงเที่ยงๆแดดร้อนมากด้วยยิ่งทำให้สายตายิ่งเห็นไม่ค่อยชัด และมัวแต่วิ่งตามชายคนดังกล่าว ทำให้กล้วยทอดกระทะสุดท้ายบนเตา กล้วยไหม้อีก ไม่สามารถขายลูกค้าได้ “ทำให้ยายต้องเสียเงินไป 100 บาท และกล้วยทอดอีก 1 กระทะ” จากเหตุการณ์ดังกล่าว
ยอมรับว่าเสียดายเงินที่ถูกหลอกไป เพราะกว่าจะทอดกล้วยขายได้หมด ได้กำไรไม่กี่บาท ยิ่งเดี๋ยวนี้ขายได้น้อยลงกว่าแต่ก่อนมากเพราะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ก็ทำใจได้คิดว่าทำบุญไป ไม่คิดจะแจ้งความอะไร เพราะยุ่งยากและเสียเวลา แค่ขออย่าให้ชายคนดังกล่าวไปทำกับคนอื่นเท่านั้นเอง โดยล่าสุดมีเพจปราณบุรี ในพื้นที่ ได้โพสต์เตือนภัยในสังคมแล้วเพื่อหวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวกับใครอีก แค่นี้ยายก็พอใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณหอนาฬิกาซึ่งเป็นสถานีตำรวจชุมชนเขาน้อย ซึ่งเป็นจุดที่ยายจอดรถขายกล้วยทอดอยู่พอดี ได้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปราณบุรี ได้มาตรวจสอบและนำภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวไปตรวจหาชายวัยรุ่นที่ก่อเหตุหลอกใช้แบงค์กาโม่ซื้อกล้วยทอดจากยายแล้ว คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้
