วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 บริเวณชายหาดหมู่2บ้านทุ่งประดู่ ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก พร้อมด้วย กำนันตำบลทับสะแแก ผู้ใหญ่บ้านทุ่งประดู่ ได้เดินทาง มาติดตามความเสียหาย หลังจากช่วงกลางดึก มีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาชายฝั่งบ้าน ทุ่งประดู่ บ้านเรือนชาวบ้านหลายหลังได้รับความเสียหายหนัก โดนคลื่นซัดฝ่าแนวบิ้กแบ็กกันคลื่นสีขาว ที่ตั้งเป็นแถวยาวกั้นเอาไว้ เข้ามาจนกระทั่งเช้า ส่งผลให้แนวบิ้กแบ็กจมหายลงไปอยู่ใต้พื้นทราย
![](https://www.thaireportchannel.com/wp-content/uploads/2020/02/DJI_0014.jpg)
Cr.กิตติ วิงวอน (ภาพมุมสูง)
นายสรรชัย พรามณีย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่2บ้านทุ่งประดู่ เป็นตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อน เพื่อยื่นหนังสือให้กับ นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา เนื่องจากเกิดเหตุ ในทุกๆปี จนแผ่นดินถูกกัดเซาะหายไปปีละหลายสิบเมตร ตลอดแนวชายหาด ยาวกว่า1กิโลเมตร หลังรับหนังสือจากชาวบ้านแล้ว
นายอำเภอทับสะแก กล่าวว่า ได้สั่งการใด้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้ง ตชด.14 , อบต.ทับสะแก .และ อส.นำถึงบิ๊กแบ็กมาใส่ทราย พร้อมรถแบ็กโฮ นำรถมาตักทรายเข้ามาเติมในจุดอันตราย บริเวณบ้านเรือนประชาชน ที่ถูกคลื่นซัดจนพังหายไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการชั่วคราวก่อน ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องเป็นหน่วยงานของกรมเจ้าท่าที่มีหน้าที่โดยตรง ต้องเข้ามาทำแนวเขื่อนกันคลื่น ที่ค้างอยู่ดำเนินการก่อสร้างต่อให้เสร็จ เนื่องจากปัญหาที่ผ่านมาคือผู้รับเหมา ได้ทิ้งงานส่วนที่เหลือ จึงทำให้เกิดปัญหาการกัดเซาะอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งในช่วงเกิดลมมรสุม
ด้านนางสาวปัณฑิกา ภุมรินทร์ อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 72 หมู่ 2 ที่ตั้งอยู่ริมหาดบ้านทุ่งประดู่ ซึ่งเป็นบ้านที่ได้รับความเสียหายหนักเป็นหลังล่าสุด กล่าวว่า เมื่อ 4-5 ปีก่อน ที่ครอบครัวย้ายมาซื้อบ้านและที่ดินริมทะเลทุ่งประดู่เนื้อที่ 1 ไร่ ซึ่งชายหาดทุ่งประดู่สวยงามมาก หน้าหาดกว้าง เวลามีมรสุมถูกคลื่นซัดทรายหายไปบ้างแต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อเข้าสู่ฤดูปกติ เด็กและคนผู้สูงอายุสามารถเดินเล่นชายหายได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้ที่ดินของบ้านเหลือไม่ถึง 1ไร่แล้ว เพราะถูกคลื่นซัดหลักหมุดก็หายไปและที่ก็หายไปเรื่อยในทะเล ตั้งแต่ที่กรมเจ้าท่าเริ่มมาทำเขื่อนกันคลื่นไปได้ไม่กี่ร้อยเมตรแต่ผู้รับเหมาทิ้งงาน ประมาณเกือบ 1ปีเศษ เกือบ2ปี ทำให้สร้างผลกระทบให้กับชาวบ้านทุ่งประดู่อย่างหนัก
โดยคลื่นมรสุมรุนแรงที่ซัดเข้าหาดล่าสุดสร้างความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งที่บ้านของตนเองได้รับผลกระทบทุกครั้งที่มีมรสุมซึ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนกันคลื่น แต่ถูกทิ้งโครงการ ทำให้คลื่นเปลื่ยนทิศพุ่งมาทางบ้านของตนเองและบ้านใกล้เคียง ได้รับความเสียหายไปแล้ว ทั้งของที่เสียหายและที่ซ่อมแซมไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท โดยเคยได้รับการช่วยเหลือเยี่ยวยาจากราชการไป2ครั้ง รวม 33,000 บาท เท่านั้น
โดยเมื่อปีที่แล้วยอมรับว่า ครอบครัวทนไม่ไหว ต้องติดป้ายประกาศขายที่ดินและบ้านไป แค่ยังขายไม่ได้ และเกิดปัญหากัดเซาะชายหาดจนเสียหายแบบนี้คงไม่มีใครกล้าซื้อ ซึ่งที่บ้านมีแม่สามี อายุ 78 ปีและย่าทวด อายุ 99 ปี อยู่อาศัย กับลูกชายอายุไม่กี่ขวบ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากหากเกิดเหตุตอนคนอยู่ จึงอยากให้ภาครัฐ แก้ปัญอย่างเร่งด่วน ก่อนที่บ้านเรือนจะถูกกลืนลงทะเลไปทั้งหมด เบื้องต้นจะต้องเร่งสร้างเขื่อนกันคลื่นที่สร้างไว้แล้วซึ่งตรงนั้นไม่มีบ้านคนอาศัยอยู่ โดยสร้างต่อให้ครอบคลุมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมทะเล เพื่อแก้ปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง
ขณะที่ ป้าแก้ว ซึ่งมีบ้านอยู่ริมชายหาดและเป็นผู้ประกอบอาชีพต้มปลาจิ้งจั้งขายริมทะเลหาดทุ่งประดู่ ซึ่งเป็นอีกคนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วยเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าบ้านของตนเป็นจุดที่คลื่นทะเลซัดหาดอย่างรุนแรงมากอีกจุดหนึ่ง จนบ้านพังเสียหายอย่างหนัก เข้าใจระเบียบราชการที่ต้องรอขั้นตอน แต่ชาวบ้านที่บ้านพัง บางทีก็รอไม่ได้
ด้านนายสุชาติ สายเส็ง อายุ 51ปี เลขที่ 40 หมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ กล่าวเพิ่มเติมว่า คลื่นสูง 3-4เมตร มาช่วงประมาณตีสาม โดยเริ่มได้ยินเสียงคลื่นลมมา ตั้งแต่ตี1จึงตื่นมาดู พบว่าคลื่นซัดเข้ามาเรื่อยๆกระทั่งเช้าดินและทรายหน้าบ้านหายไปเกือบถึงหน้าบ้านแล้ว โชดีคลื่นลมเบาในช่วงเช้า หลังจากนั้นทั้งผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง ได้นำรถแบ็กโฮมาโกยทรายเข้าอัดปิดไว้ โดยได้ปักเสาและใส่ยางรถยนต์ป้องกันไม่ให้พื้นบ้านยุบตัวลงมา อยากขอให้กรมเจ้าท่า เร่งหาผู้รับเหมามาดำเนินการก่อสร้างแนวเขื่อนกันคลื่นที่เหลือ อีกกว่า 800เมตร ให้เสร็จโดยเร็ว