สุดช็อค! หนุ่มสาวเชียงใหม่ตรวจเจอโควิด6ราย เผยเพิ่งกลับจากปาร์ตี้ริมทะเลชะอำ จ้างพริตตี้ หัวหิน-ปราณ 6 คนร่วมงานเลี้ยง สุดท้ายสาวปากน้ำปราณสายเอนเตอร์เทน ติดโควิด19 เป็นรายล่าสุด ขณะที่ยอดผู้ป่วยโควิดของจังหวัดสะสมเพิ่ม 3 ราย รวม 17 รายและเสียชีวิตแล้ว 2 ราย
วันที่ 5 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินประจวบคีรีขันธ์ ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราขการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายคมสัน ไชยวรรณ์ รอง นพ.สสจ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมแถลงสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด19 ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิด19 เพิ่มอีก 3 ราย ได้แก่ ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายที่15 ซึ่งต่อมาเสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ของจังหวัดโดยเสียชีวิตนอกจังหวัด ต่อจาก ชายนราธิวาส ที่เสียชีวิตบนขบวนรถไฟ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เป็น นักท่องเที่ยวชาย ชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 82 ปี ที่พำนักอยู่ในหัวหินมีระยะเวลานานนับสิบปี พบประวัติมีโรคประจำตัว ได้แก่โรคหัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีไขมันในเลือด และความดันโลหิตสูง โดยผู้ติดเชื้อรายที่ 15และภรรยา ได้เดินทางไปพักโรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท20 ในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11- 14 มีนาคม 2563 และได้เดินทางเข้าพื้นที่คนหนาแน่น เช่น บาร์ ร้านอาหาร ในย่านดังกล่าว ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม2563 กลับมาอยู่หัวหินมีปาร์ตี้ที่บ้านพัก มีผู้ร่วมงานวันดังกล่าว 23 คน เป็นคนไทย 3 คน ต่างประเทศ 20 คน โดยกลับจากกรุงเทนได้ 7 วัน เริ่มป่วยมีอาการ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม2563 มีไข้ แต่อาการเป็นๆหายๆ
กระทั่งเมื่อวันที่ 31 มีนาคม2563 มีไข้สูงไม่ลด หายใจเหนื่อยหอบ ไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน อ.หัวหิน แต่พบว่ามีอาการไม่ดีจึงส่งต่อโรงพยาบาลในเครือข่ายเดียวกันที่ จ.เพชรบุรี แต่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 เมษายน2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ติดตามสอบสวนโรค พบบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง 4 คน คนแรกคือบุตรบุญธรรมหญิง อายุ 40 ปี และ พยาบาลส่วนตัวคนที่หนึ่ง ทั้งสองคนตรวจไม่พบเชื้อ ,คนที่สามเป็นพยาบาลอีกหนึ่งคน ขณะนี้รอผลตรวจอยู่ และรายสุดท้าย คือภรรยาของผู้ติดเชื้อรายที่ 15 ซึ่งเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 81 ปี ผลตรวจโควิดพบเชื้อ มีอาการปอดบวม ขณะนี้รักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ในอำเภอหัวหิน จึงกลายเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 16 ของจังหวัด
และผู้ติดเชื้อรายล่าสุด รายที่ 17 เบื้องต้นทางจังหวัดได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่5 จ.ราชบุรี เนื่องจากเคสนี้เกิดจากการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วยโควิดจาก จ.เชียงใหม่ โดยมีชาว จ.เชียงใหม่ มาจัดปาร์ตี้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม โดยมีกลุ่มบุคคลที่ร่วมในงาน รวม 22 คน โดยวันที่ 19 มีนาคม 2563 จัดงานปาร์ตี้ประกอบด้วย ชาวเชียงใหม่ 7 คน เมื่อเดินทางกลับไปทยอยป่วยและตรวจพบเชื้อโควิดทั้ง 6 คน นครปฐม 1 คน เพชรบุรี 8 คน และประจวบคีรีขันธ์ 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีพริ้ตตี้ถูกจ้างมาร่วมงานด้วย 6 คน หลังได้รับแจ้งทางทีมควบคุมโรคได้ลงพื้นที่ติดตาม ผู้สัมผัสโรคชาวประจวบคีรีขันธ์ทั้ง 6 คน กระทั่งผลตรวจยืนยันว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด 1 ราย เป็นหญิง ชาวปากน้ำปราณ อายุ 31 ปี
เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่า ระหว่างวันที่ 19-20 รับงานที่ อ.ชะอำ ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม 2563 กลับบ้านพักที่ ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ,วันที่ 21-24 มีนาคม 2563 รับงาน Entertain ที่อำเภอหัวหิน และกุยบุรี เป็นชาว จ.นครปฐม มีผู้ร่วมงาน 9 คน เด็ก 2 คน ประสาน จ.นครปฐมติดตามเฝ้าระวังแล้ว , วันที่ 25 มีนาคม 2563 ได้รับอุบัติเหตุ ทำให้ไม่ได้รับงาน อยู่บ้าน , วันที่ 1 เมษายน 2563 มีงานเลี้ยงในครอบครัว กินหมูกระทะอยู่บ้าน มีผู้ร่วมสังสรรค์ 6 คน ทุกคนถูกตรวจและกักตัวแล้ว ผลตรวจไม่พบเชื้อ , วันที่ 3 เมษายน 2563 ผู้เข้าข่ายในพื้นที่ตรวจหาเชื้อ 2 รายและกักตัวที่โรงพยาบาลปราณบุรี ไม่มีอาการ และวันที่ 5 เมษายน 2563 โรงพยาบาลปราณบุรี ยืนยันผลการตรวจติดเชื้อ 1 ราย คือ สาวปากน้ำปราณ วัย 31 ปี และไม่พบเชื้อ 1 ราย เจ้าหน้าที่เร่งติดตามกลุ่มเสี่ยง และบุคคลที่เกี่ยวข้องมากักตัวและตรวจหาเชื้อเพิ่มเติมแล้ว
ด้าน นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จังหวัดออกข้อบังคับศูนย์บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมทุกด้านแล้วที่จะเฝ้าระวัง สกัด ยับยั้งการระบาดของโรคโควิด19 โดยขอให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง หากฝ่าฝืนถูกปรับไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้พบข้อมูลว่าชาวต่างประเทศส่วนใหญ่ไม่นิยมสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งหัวหินเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก และอยู่ระยะเวลานาน ทั้งนี้ไม่ควรอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช้คนในครอบครัว เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น กรณีพริตตี้รายล่าสุด ซึ่งสัมผัสผู้ติดเชื้อเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง และพบคนจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้ติดเชื้อได้ และมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อเพิ่มผู้ป่วยมากขึ้น.